เอาหละ หลังจากที่ลงรูปของ Museum ให้น้ำลายหกกันไปแล้ว 1 วัน คราวนี้จะเป็นการเขียนอธิบายรูปต่างๆ
เหตุที่รีบเอารูปลง ก็เพราะหมาย้วยจิกซ์ๆๆๆ อยากดูรูปเต็มประดา แล้วรูปที่ถ่ายมามันก็เยอะมากซะจนเขียนในตอนเดียวไม่จบ เลยต้องแบ่งลงในบล็อกทั้งหมด 4 ตอน ตอนละ 40 รูป
เริ่มด้วยรูปแรกก่อนเลย เห็นภาพแบบนี้คงจะนึกไม่ออกใช่ไหม ว่าอาคารที่ถ่ายให้เห็นมันคืออาคารอะไร แล้วทำไมถึงต้องถ่ายรูปมาลงบล็อก
อะเฉลย......
อาคารเอ็มไพร์สเตท ตึกระฟ้าที่เคยติดอันดับโลกมาแล้ว ไม่อยากจะโม้เลยว่า อาคารเอ็มไพร์สเตทนี้ตั้งอยู่หลังโรงแรมเราเอง เดินไม่ถึง 5 นาที เพราะอาคารนี้ตั้งอยู่บนถนนที่ 33rd ในขณะที่โรงแรมที่ฉันพัก ตั้งอยู่บนถนนที่ 32nd
เอาหละ ต่อไปก็อย่างที่โม้เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว วันนี้เราจะไปเที่ยว Museum บันลือโลก วิธีเดินทางก็ง่ายมาก ลง Metro ที่สถานีใกล้ๆตึกเอ็มไพร์สเตท แล้วนั่งuptown (แปลว่านั่งไปตามถนนที่มีเลขมากกว่า)มาจนถึงสถานีที่ 86th เดินไปทาง Central Park สามบล็อก แล้วเดินเลี้ยวซ้ายอีก 2 บล็อก
เจอแล้วค่ะ The Metropolitant Museum of Arts
บรรยากาศภายใน ระบบความปลอดภัยแน่นหนา มหากาฬมาก
เราเริ่มต้นดูการจัดแสดงตามยุคของงานศิลปะ เริ่มต้นที่งานศิลปะอิยิปต์ก่อนเลยค่ะ
ดูกันให้ชัดๆ กับตัวอักษรเฮียโรกลีฟิกของชาวอียิปต์โบราณ
กระดาษปาปิรุสอายุหลายพันปี จัดแสดงให้เห็นเต็มผนังห้องเลยค่ะ
โลงใส่มัมมี่ ด้านในโลงมีภาพเขียนสีอยู่ด้วย
มัมมี่ของสตรีสูงศักดิ์ค่ะ ที่หน้าของมัมมี่มาหน้ากากเขียนรูปหน้าของเธออยู่ด้วย
อันมัมมี่และโลงเก็บมัมมี่นี้ ทางmuseum ได้มีการจัดแสดงอย่างดี ในตู้กระจกที่ใส่มัมมี่เป็นตู้ที่มาความหนา ภายในมีระบบปรับอุณหภูมิ และปรับความชื้นให้ด้วย
เครื่องประดับของชาวอียิปต์
งานจัดแสดงหลุมศพและวิหารต่างๆ
นี่ก็เป็นวัดหรือวิหารของชาวอียิปต์ค่ะ museum ได้แซะของเขามาทั้งวิหารกันเลยทีเดียว จัดแสดงในห้องขนาดใหญ่ ด้านบนกรุเพดานกระจกใสให้แสงสว่างเข้ามาได้ทางด้านบน ตัววิหารมีการห่อไฟเบอร์กลาสภายนอก ป้องกันคนมือบอนที่ชอบทำลายงานศิลปะ ผู้สนใจสามารถดูวิหารที่ว่านี้ได้โดยรอบ และสามารถเข้าไปดูด้านในได้ด้วย
ภาพวิหารจากที่เดิม พร้อมคำบรรยาย
ต่อไปเป็นยุคไบแซนไทน์ อียิปต์ค่ะ
จัดแสดงในห้องที่ออกแบบให้คล้ายกับภายในบ้านแบบไบแซนไทน์
เครื่องประดับพร้อมภาพโมเซอิก
พรมค่ะ เก่าจนแทบจะต่อไม่เป็นชิ้นอยู่แล้ว
ต่อไปเป็นงานศิลปะแบบกรีก- โรมัน
รูปสลักของเจ้าชายปารีสแห่งกรุงทรอย หล่อเหลาสมคำร่ำลือไหมคะ
ตัดศีรษะนางเมดูซ่า
ภาพinfernoที่สุดแสนจะโด่งดังก็อยู่ที่นี่
เข้ายุคกลางหรือ medival ageค่ะ
ศิลปะยุคกลางมักเป็นงานศิลปะที่แสดงถึงอิทธิพลของคริสตศาสนาอย่างเด่นชัด
พักด้วยรูปนี้ก่อน รูปที่ถ่ายที่ห้องงานศิลปะรุ่นใหม่ เลียนแบบงานกรีกเดิม พรมที่เห็นด้านหลังเป็นของจริงนะคะ
เพลงวันนี้ได้มาจากเว็บ youtube.com อีกแล้วค่ะ
MV เพลง New York New York ของ Ryan Adams ถ่ายเพียงไม่กี่วันก่อน 9-11 มองไปตามภาพวิวของนิวยอร์ก ยังเห็นตึกเวิร์ลเทรด เซ็นเตอร์อยู่เลย
New York แอ๊ปเปิ้ลลูกโต กลิ่นอายของความเป็นอเมริกันตลบอบอวลอยู่ทั่วไปทั้งเมืองนี้
เดี๋ยวเราจะไปเที่ยว MET Museum กันต่อในตอนที่ 2 ค่ะ
Friday, June 30, 2006
Thursday, June 29, 2006
ชมโฉมคุณนายสะแตตู้ว
อืม....อะไรเอ่ย
เป็นหมาดีๆไม่ชอบ ดันอยากจะเป็นไก่ซะงั้น
ก็หมาย้วยน่ะสิ จิกๆๆๆๆ กันซะ แค่ไม่ยอมอัพเดทหน่อยเดียว จิกทวงblog กันซะ
โอเค ชั้นอัพดูดนิวยอร์กให้เธอแล้วนะ
ก็อย่างที่จั่วหัวข้อเอาไว้นั่นแหละ ตอนนี้ฉันกำลังนอนตีพุงอยู่อีกซีกโลกของเมืองไทย ณ เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา อันที่จริงฉันเองก็บินมา USA อยู่เรื่อยๆ บ่อยบ้าง ห่างไปบ้างตามแต่อารมณ์ของ SKD ทีม และอารมณ์ของตัวเอง แต่สำหรับเมืองนิวยอร์กหรือstation ที่เราเขียนย่อว่า JFK นี้ ฉันไม่ได้มาตั้ง2 ปีเห็นจะได้ ครั้งล่าสุดที่ได้มาบินคือแวะลง Alaska ก่อน จนบัดนี้ สายการบินฉันเลิกบินแบบแวะอลาสก้านานแล้ว ฉันก็เพิ่งจะได้มาเหยียบนิวยอร์กเป็นหนที่ 2 ในชีวิตเท่านั้น ที่ได้มาก็เพราะแลกตารางบินกับสาวนิ ซึ่งเธอต้องการหยุดช่วงเวลานี้พอดี
มานิวยอร์กคราวนี้เปลี่ยนโรงแรมเป็น Holiday Inn Martinique on Broadway (มาถึงโรงแรมเปลี่ยนเป็น Radisson วันนั้นเลย) โรงแรมตั้งอยู่บริเวณที่เกาหลีอยู่กันหนาแน่น จะไป Time Square ก็ไกลกว่าเดิม ฉันเสียดายโรงแรมเก่าอยู่นิดเดียวตรงขนมฟรีที่ lounge สภาพทั่วไปนับว่าพอใช้ได้ ดูดีกว่าโรงแรมเดิม นอนสบายกว่าก็พอแล้ว
มาคราวนี้ ฉันได้บินกับพี่แอน ผู้แสนจะใจดี และเมตตาพาฉันไปเที่ยวด้วย ไม่อย่างนั้นฉันคงเที่ยวนิวยอร์กไม่ถูก เพราะรถ Metro ของนิวยอร์กช่างน่าเวียนหัวเสียเหลือเกิน คราวนี้พี่แอนประกาศไว้เลยว่าจะพาฉันไปดู Statue of Liberty หรือที่ฉันแอบเรียกเองว่าคุณนายสะแตตู้ว
ไม่รู้จะเล่าอะไรดี เพราะมันเยอะไปหมด เอาเป็นว่าดูภาพปลากรอบไปพลางๆเลยแล้วกัน
ด้วยความที่เราสองคนไม่อยากเสียเงินมาก (กำลังเขียมกันทั้งคู่) พี่แอนเลยแนะนำว่าเราไม่ต้องนั่งเรือไปที่เกาะคุณสะแตตู้วก็ได้ ใช้วิธีนั่งเรือข้ามฟากเอา เรือข้ามฟากนี้เป็นบริการที่รัฐจัดให้ฟรีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ชาวนิวยอร์ก ฉันเลยอาศัยนั่งเรือที่ว่าข้ามฟากไป และกลับเพื่อเก็บภาพ Statue of Liberty อันเลื่องชื่อ
ป้ายเรือเฟอร์รี่ที่เราใช้ข้ามเกาะกันวันนี้ ช่วงนี้เป็นเทศกาลครบรอบ 100 ปีที่เรือ Statenได้ข้ามฟากรับใช้ชาวนิวยอร์กเกอร์ เห็นแล้วน่าทึ่งกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของบริการนี้
นี่แหละค่ะ เรือ Staten ที่ว่า ท่าทางแข็งแรงแน่นหนาดีมาก เห็นแล้วแอบนึกถึงเรือข้ามฟากแถวท่าพระจันทร์จริงๆ ทางกทม.น่าจะบริการฟรีแบบนี้บ้าง
แผนที่เกาะที่เรือข้ามพาเราไปส่งค่ะ
บรรยากาศภายในห้อง cabin กว้างขวางและสะอาดสะอ้านพอสมควร
ด้านหลังเป็นมหานครนิวยอร์ก ตัวเมือง New York City ตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน ที่ดินบริเวณนี้มูลค่ามหาศาลยิ่งกว่าทองคำเพราะเป็นแหล่งเศรฐกิจสำคัญของโลก
มองไปลิบๆจะเห็นสะพานบรู๊กลิน
เอาหละ อยากพบหน้าคนสวยหรือยัง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โฉมงามนามเสรี แอบคิดเปรียบเทียบเอาเองว่า เสรีภาพมันช่างเป็นความสวยสดงดงามและยิ่งใหญ่เหลือเกิน
อันนางลิเบอร์ตี้นี้ เป็นของกำนัลที่ฝรั่งเศสมอบให้กับชาวอเมริกัน สาวฝรั่งเศสนางนี้ ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศสแต่เดินทางมาเป็นชิ้นส่วนและประกอบขึ้นเต็มตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มือหนึ่งถือคบไฟ อีกมือหนึ่งถือหนังสือจารึกตัวอักษร July 4th อันเป็นวันชาติอเมริกานั่นเอง เธอยืนสวยเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ New York Harborมาตั้งแต่ปี 1886 (ไม่เมื่อยรึไงคะ คนสวย)
เทพีเสรีภาพหรือคุณนายสะแตตู้วนางนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ อิสรภาพ และประชาธิปไตยบนโลกเบี้ยวๆใบนี้ หรืออีกนัยหนึ่ง เธอคือสัญลักษณ์แสดงเสรีภาพในโลกใหม่อันหมายถึงประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง
ขอเทียบความงามกับเธอหน่อย
งามสูสีกันเลยทีเดียว !!!
บนเรือมีกล้องให้หยอดเหรียญชมความงามของคุณสะแตตู้ว และเมืองนิวยอร์กซิตี้ด้วยค่ะ
จาก Statue of Liberty ฉันเดินเลาะตามถนนเลียบชายฝั่งเพื่อไปเก็บภาพสะพานบรู๊คลิน
เอ....ถนนอะไรเนี่ย
เฉลย ถนนกำแพงนั่นเอง จุดยุทธศาสตร์ของเศรษฐกิจโลกอยู่ที่นี่ บริเวณนี้เรียกกันว่า Financial District
มาถึง Mall ที่เราจะเก็บภาพแล้ว เราเรียกบริเวณนี้ว่า Seaport ค่ะมีร้านรวงเต็มไปหมด
เห็นร้านนี้แล้วนึกถึงเกมส์ผันมะนาวให้เป็นเงินที่ฉันเคยเล่นกับน้องเพื่อน ไอ้ร้านน้ำมะนาวที่ว่ามันตั้งอยู่กลางเมืองนิวเยอร์กเสียด้วยสิ
มาถึงแล้ว สะพานบรู๊กลิน Brooklyn Bridgeที่แสนจะโด่งดัง
ขอลาแต่เพียงเท่านี้
ต่อจากสะพานบรู๊กลิน พี่แอนพาไปเที่ยวที่ MET หรือ Metropolitan Museum of Art แต่ขอยกยอดไปblog ตอนถัดไปก็แล้วกัน
คิดถึงหมาย้วยจังเลย
ปล. วันนี้ลง MV ของน้องผัดฉ่าให้หมาน้ำลายยืดเล่น
เป็นหมาดีๆไม่ชอบ ดันอยากจะเป็นไก่ซะงั้น
ก็หมาย้วยน่ะสิ จิกๆๆๆๆ กันซะ แค่ไม่ยอมอัพเดทหน่อยเดียว จิกทวงblog กันซะ
โอเค ชั้นอัพดูดนิวยอร์กให้เธอแล้วนะ
ก็อย่างที่จั่วหัวข้อเอาไว้นั่นแหละ ตอนนี้ฉันกำลังนอนตีพุงอยู่อีกซีกโลกของเมืองไทย ณ เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา อันที่จริงฉันเองก็บินมา USA อยู่เรื่อยๆ บ่อยบ้าง ห่างไปบ้างตามแต่อารมณ์ของ SKD ทีม และอารมณ์ของตัวเอง แต่สำหรับเมืองนิวยอร์กหรือstation ที่เราเขียนย่อว่า JFK นี้ ฉันไม่ได้มาตั้ง2 ปีเห็นจะได้ ครั้งล่าสุดที่ได้มาบินคือแวะลง Alaska ก่อน จนบัดนี้ สายการบินฉันเลิกบินแบบแวะอลาสก้านานแล้ว ฉันก็เพิ่งจะได้มาเหยียบนิวยอร์กเป็นหนที่ 2 ในชีวิตเท่านั้น ที่ได้มาก็เพราะแลกตารางบินกับสาวนิ ซึ่งเธอต้องการหยุดช่วงเวลานี้พอดี
มานิวยอร์กคราวนี้เปลี่ยนโรงแรมเป็น Holiday Inn Martinique on Broadway (มาถึงโรงแรมเปลี่ยนเป็น Radisson วันนั้นเลย) โรงแรมตั้งอยู่บริเวณที่เกาหลีอยู่กันหนาแน่น จะไป Time Square ก็ไกลกว่าเดิม ฉันเสียดายโรงแรมเก่าอยู่นิดเดียวตรงขนมฟรีที่ lounge สภาพทั่วไปนับว่าพอใช้ได้ ดูดีกว่าโรงแรมเดิม นอนสบายกว่าก็พอแล้ว
มาคราวนี้ ฉันได้บินกับพี่แอน ผู้แสนจะใจดี และเมตตาพาฉันไปเที่ยวด้วย ไม่อย่างนั้นฉันคงเที่ยวนิวยอร์กไม่ถูก เพราะรถ Metro ของนิวยอร์กช่างน่าเวียนหัวเสียเหลือเกิน คราวนี้พี่แอนประกาศไว้เลยว่าจะพาฉันไปดู Statue of Liberty หรือที่ฉันแอบเรียกเองว่าคุณนายสะแตตู้ว
ไม่รู้จะเล่าอะไรดี เพราะมันเยอะไปหมด เอาเป็นว่าดูภาพปลากรอบไปพลางๆเลยแล้วกัน
ด้วยความที่เราสองคนไม่อยากเสียเงินมาก (กำลังเขียมกันทั้งคู่) พี่แอนเลยแนะนำว่าเราไม่ต้องนั่งเรือไปที่เกาะคุณสะแตตู้วก็ได้ ใช้วิธีนั่งเรือข้ามฟากเอา เรือข้ามฟากนี้เป็นบริการที่รัฐจัดให้ฟรีเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ชาวนิวยอร์ก ฉันเลยอาศัยนั่งเรือที่ว่าข้ามฟากไป และกลับเพื่อเก็บภาพ Statue of Liberty อันเลื่องชื่อ
ป้ายเรือเฟอร์รี่ที่เราใช้ข้ามเกาะกันวันนี้ ช่วงนี้เป็นเทศกาลครบรอบ 100 ปีที่เรือ Statenได้ข้ามฟากรับใช้ชาวนิวยอร์กเกอร์ เห็นแล้วน่าทึ่งกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของบริการนี้
นี่แหละค่ะ เรือ Staten ที่ว่า ท่าทางแข็งแรงแน่นหนาดีมาก เห็นแล้วแอบนึกถึงเรือข้ามฟากแถวท่าพระจันทร์จริงๆ ทางกทม.น่าจะบริการฟรีแบบนี้บ้าง
แผนที่เกาะที่เรือข้ามพาเราไปส่งค่ะ
บรรยากาศภายในห้อง cabin กว้างขวางและสะอาดสะอ้านพอสมควร
ด้านหลังเป็นมหานครนิวยอร์ก ตัวเมือง New York City ตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน ที่ดินบริเวณนี้มูลค่ามหาศาลยิ่งกว่าทองคำเพราะเป็นแหล่งเศรฐกิจสำคัญของโลก
มองไปลิบๆจะเห็นสะพานบรู๊กลิน
เอาหละ อยากพบหน้าคนสวยหรือยัง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โฉมงามนามเสรี แอบคิดเปรียบเทียบเอาเองว่า เสรีภาพมันช่างเป็นความสวยสดงดงามและยิ่งใหญ่เหลือเกิน
อันนางลิเบอร์ตี้นี้ เป็นของกำนัลที่ฝรั่งเศสมอบให้กับชาวอเมริกัน สาวฝรั่งเศสนางนี้ ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศสแต่เดินทางมาเป็นชิ้นส่วนและประกอบขึ้นเต็มตัวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มือหนึ่งถือคบไฟ อีกมือหนึ่งถือหนังสือจารึกตัวอักษร July 4th อันเป็นวันชาติอเมริกานั่นเอง เธอยืนสวยเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ New York Harborมาตั้งแต่ปี 1886 (ไม่เมื่อยรึไงคะ คนสวย)
เทพีเสรีภาพหรือคุณนายสะแตตู้วนางนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ อิสรภาพ และประชาธิปไตยบนโลกเบี้ยวๆใบนี้ หรืออีกนัยหนึ่ง เธอคือสัญลักษณ์แสดงเสรีภาพในโลกใหม่อันหมายถึงประเทศสหรัฐอเมริกานั่นเอง
ขอเทียบความงามกับเธอหน่อย
งามสูสีกันเลยทีเดียว !!!
บนเรือมีกล้องให้หยอดเหรียญชมความงามของคุณสะแตตู้ว และเมืองนิวยอร์กซิตี้ด้วยค่ะ
จาก Statue of Liberty ฉันเดินเลาะตามถนนเลียบชายฝั่งเพื่อไปเก็บภาพสะพานบรู๊คลิน
เอ....ถนนอะไรเนี่ย
เฉลย ถนนกำแพงนั่นเอง จุดยุทธศาสตร์ของเศรษฐกิจโลกอยู่ที่นี่ บริเวณนี้เรียกกันว่า Financial District
มาถึง Mall ที่เราจะเก็บภาพแล้ว เราเรียกบริเวณนี้ว่า Seaport ค่ะมีร้านรวงเต็มไปหมด
เห็นร้านนี้แล้วนึกถึงเกมส์ผันมะนาวให้เป็นเงินที่ฉันเคยเล่นกับน้องเพื่อน ไอ้ร้านน้ำมะนาวที่ว่ามันตั้งอยู่กลางเมืองนิวเยอร์กเสียด้วยสิ
มาถึงแล้ว สะพานบรู๊กลิน Brooklyn Bridgeที่แสนจะโด่งดัง
ขอลาแต่เพียงเท่านี้
ต่อจากสะพานบรู๊กลิน พี่แอนพาไปเที่ยวที่ MET หรือ Metropolitan Museum of Art แต่ขอยกยอดไปblog ตอนถัดไปก็แล้วกัน
คิดถึงหมาย้วยจังเลย
ปล. วันนี้ลง MV ของน้องผัดฉ่าให้หมาน้ำลายยืดเล่น
Subscribe to:
Posts (Atom)