Wednesday, May 31, 2006

แต่เราก็หากันจนเจอ





สิ่งที่ฉันหวัง สิ่งที่ฉันคอย
อาจดูเหมือนเลื่อนลอย เกือบจะฝันไป
มองหาคนคนหนึ่ง ที่ไม่รู้เป็นใคร
และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จะพบคนผู้นั้น

ส่วนชีวิตฉัน บอกเลยว่ามี
เจอะคนที่แสนดี อยู่ทุกๆวัน
เพียงแค่ไม่มีใคร ที่จะฝันตรงกัน
แต่ว่าฉันมั่นใจ จะพบในไม่ช้า

อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่
หมอกและควันช่วยกันพรางตา
มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา
ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่

แต่เราก็หากันจนเจอ
มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา
รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า
เมื่อมีใครสักคนข้างกาย

เกิดมาเพื่อหาใครคนหนึ่ง
เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ
เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่
แต่มันคงไม่ยากเกินไปที่ฉันจะพบเธอ

อาจมีสักครั้งที่เราสองคน
ผ่านทางที่วกวน อยู่ใกล้ๆกัน
ใบไม้เพียงใบหนึ่งหล่นตอนที่เดินผ่าน
ฉันคงจะมองมันเมื่อเธอเดินผ่านมา

อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่
หมอกและควันช่วยกันพรางตา
มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา
ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่

แต่เราก็หากันจนเจอ
มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา
รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า
เมื่อมีใครสักคนข้างกาย

เกิดมาเพื่อหาใครคนหนึ่ง
เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ
เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่
แต่มันคงไม่ยากเกินไปที่ฉันจะพบเธอ


Photobucket - Video and Image Hosting























อาจุมม่า สิ่งมีชีวิตพันธุ์โหด ประจำplanet

เพิ่งกลับมาจากไฟลท์ ฮ่องกงค่ะ
Photobucket - Video and Image Hosting
รูปนี้ถ่ายหลังจากลงมาจากไฟลท์HKGเช้าค่ะ บินไปง่วงไป

ปรกติแล้ว เวลาที่ฉันได้ไฟลท์บินไปฮ่องกง ฉันมักจะไปบินด้วยความรู้สึก happy มีความสุข เพราะในบรรดาไฟลท์ทั้งหมดที่ลูกเรือไทยบินไปนั้น ฮ่องกงถือเป็นไฟลท์ที่ง่ายและสบายที่สุดในความคิดของฉัน เพราะชั่วโมงบินสั้น แค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น เสิร์ฟก็ง่าย แถมการเตรียมงานสำหรับลูกเรือ inboundก็สุดแสนจะสบายไฮโซ แม้ว่า lay-over จะสั้นไปนิดคือแค่ 12 hrs. (เอาเฮอะ...ทำงานวันละ 3 ชั่วโมงกว่า สบายกว่านี้มีอีกไหม) ยยังไงก็ถือว่าไฟลท์ฮ่องกงเป็นไฟลท์พักผ่อน ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มีไฟลท์บินไปฮ่องกง ฉันจึงแต่งตัวไปบินได้อย่างเริงร่า สบายใจ
Photobucket - Video and Image Hosting
ท่าอากาศยานนานาชาติเช็คแล็บก๊อก ฮ่องกง

แต่....

ทันทีที่เห็นผู้โดยสารลากกระเป๋าขึ้นเครื่อง ฉันก็เริ่มลังเลว่า ไอ้ที่กะจะบินขำๆ เป็นวันบินพักผ่อนมันอาจจะเป็นจินตนาการก็ได้ เพราะเห็นกองทัพของสิ่งมีชีวิตที่ไม่อยากเจอบนเครื่อง(แน่นอนว่าเป็นอันดับรองมาจากรัสเซียและแขกT_T)

ให้เดาคงไม่มีใครเดาถูกแหงๆ

ก่อนอื่นขอเล่าวีรกรรมของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นี้ก่อนดีกว่า

สิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นบนโลกมานานแค่ไหนไม่มีใครทราบแน่ชัด สันนิษฐานเบื้องต้น คาดว่าเกิดขึ้นมาพ้อมกับคาบสมุทรเกาหลี ลักษณะภายนอกโดยมากมักขนาดตัวย่อมๆ ไว้ผมทรงดัดหยิกฟูราวกับเป็นเครื่องแบบประจำเผ่า

ท่าทางการเดินของออจุมม่าค่อนข้างกระย่องกระแย่งหากกระฉับกระเฉง พยายามทำอะไรแบบรีบเร่งตลอดเวลา อาวุธประจำกายของสิ่งมีชีวิตพันธุ์นี้คือกระเป๋าใบเขื่อง บ้างก็แบกเป้ขนาดโตกว่าลำตัวไว้บนบ่า ระวังให้ดีๆ หากคุณโดนกระเป๋าหรือเป้ดังกล่าวยัดเยียดใส่มือ คุณอาจได้รับคำขอร้องแกมบังคับให้ใช้กำลังที่มีอยู่น้อยนิด ยกกระเป๋าหนักโหดนั่นขึ้นไปไว้บนที่เก็บของเหนือศีรษะ ซึ่งแน่นอนว่าเสี่ยงภัยเป็นอย่างยิ่งกับหลังและศีรษะของตัวคุณเอง สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นี้เป็นสัตว์สังคม หากได้รับการจัดที่นั่งให้แยกจากกัน พวกเขาจะดิ้นรน ทุรนทุราย กระเสือกกระสนทุกวิถีทางให้ได้นั่งด้วยกันเป็นกลุ่มก้อนเพื่อผนึกกำลังโจมตีมนุษย์ที่รับหน้าที่พิทักษ์เครื่องบิน (อันได้แก่แอร์ -_-‘) หากโดนจับแยกจากฝูงเมื่อไหร่ ออจุมม่าจะมีอาการเซื่องซึม เงื่องหงอยราวกับปลาขาดน้ำ ในขณะที่กองร้อยออจุมม่าผ่านมา ควรระวังอวัยวะของคุณให้ดี มิฉะนั้นคุณจะโดนเหยียบเท้า ผลัก หรือชน หากคุณบังอาจไปเกะกะขวางทางกองทัพนี้เข้า

ออจุมม่ากับความไม่เป็นระเบียบเป็นของคู่กัน เวลาออจุมม่ารับประทานอะไร อย่าคาดหวังอาการรักษากิริยา ยิ่งเละเทะ ยิ่งสกปรกเก็บลำบากยากเย็นเท่าไหร่ ถือได้ว่าออจุมม่าประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่โจมตีข้าศึก และจะยิ่งประสบผลสำเร็จยิ่งไปกว่านั้นหากออจุมม่าได้เข้าทำลายข้าศึกทางอ้อมโดยการเข้าห้องน้ำ ถ้าคุณต่อคิวห้องน้ำจากสิ่งมีชีวิตพันธุ์นี้ จงอย่าตกตะลึง หากเปิดประตูมาแล้วเจอห้องน้ำเปียกซ่กตั้งแต่เพดานจรดพื้นจนบางทีอาจจะสงสัยได้ว่ามีการอาบน้ำในที่แคบๆแห่งนื้ ร้ายไปกว่านั้น อย่าตกใจถ้าพบว่าสิ่งมีชีวิตพันธุ์นี้ไม่นิยมการกดปุ่มชักโครกหลังเสร็จกิจเป็นภาระของแอร์ต้องจามกดส้วมให้อยู่ร่ำไปจนบางทีก็สงสัยว่าออจุมม่าอาจจะมีลักษณะคล้ายแมวคือถ่ายแล้วไม่ราดน้ำแต่หาอะไรกลบๆเอา

อืม....เริ่มเข้าเค้าบ้างไหมคะ

กองทัพสิ่งมีชีวิตดังกล่าว เราเรียกว่าออจุมม่า หากเป็นสิ่งมีชีวิตเพศผู้ เราจะเรียกพวกเขาว่าอาชย็อทชี

เป็นภาษาเกาหลีแปลว่าคุณป้าและคุณลุงนั่นเอง

ลงจากไฟลท์คราวนี้แทบสลบเลยค่ะ นึกดีใจว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่เจอกองทัพป้าบนไฟลท์ฮ่องกงซึ่งชั่วโมงบินสั้นแค่ 3 ชั่วโมง ถ้าโชคร้ายเจอกองทัพแบบนี้บนไฟลท์ยาวๆคงได้สลบเหมือดคาเครื่องแน่ๆ

Photobucket - Video and Image Hosting
สภาพเครื่องB747ก่อนโดนกองทัพออจุมม่าถล่ม

คิดดูอีกที คุณลุงคุณป้าพวกนี้คงเหมือนคุณตาคุณยายบ้านเราที่มีอาการงกๆเงิ่นๆ เวลาไปไหนมาไหนหรือทำอะไรก็เลยดูไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวไปบ้า อันความไม่รู้ไม่ถือว่าเป็นคนความผิด คนเราใช่ว่าจะขึ้นเครื่องบินกันทุกวัน ตรงกันข้าม สำหรับบางคนมันอาจจะเป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิตเขาก็ได้ ลูกหลานเขาอาจเป็นห่วงอยู่ที่บ้าน เหมือนเวลาเราเป็นห่วงพ่อแม่เราเวลาเดินทางไกลๆ
คิดได้อย่างนี้แล้วเลยเกิดความคิดขึ้นมาได้อีกว่า เออ ! มองๆไป กองทัพออจุมม่าก็น่าเอ็นดูไปอีกแบบเหมือนกันเนอะ

ขออย่างเดียวได้ไหมคะ คุณลุง คุณป้า

คราวหน้าถ้าไม่รู้ว่าชักโครกกดยังไง ช่วยถามนิดนึงจะเป็นพระคุณนะคะ หนูยินดีจะไปสาธิตการกดส้วมให้ถึงที่เลย

Photobucket - Video and Image Hosting

คราวนี้เป็นรูปของกินมื้อเที่ยงที่ฮ่องกง
Photobucket - Video and Image Hosting
ไอ้ขวดนี้คือนมผสมธัญญาพืช รสมอลต์ อร่อยดีค่ะ
ส่วนรูปล่างคือMcของที่ ฮ่องกง

Photobucket - Video and Image Hosting
เปิดกล่องออกมาจะเป็นแบบนี้ เขาใช้ข้าวแทนขนมปัง
ข้าวที่ว่าเป็นข้าวเหนียวๆคลุกกับเห็ดหอมแห้งปรุงรส กลิ่นคล้ายบ๊ะจ่าง
ที่หลบอยู่ด้านหลังเป็นข้าวโพดหวานๆ คลุกเนย อร่อยอีกเหมือนกัน

Photobucket - Video and Image Hosting

รูปนี้ถ่ายก่อนบินค่ะ
Photobucket - Video and Image Hosting Photobucket - Video and Image Hosting

นี่เป็นรูปล่าสุด เพิ่งถ่ายตอนลงจากเครื่องเมื่อเช้า
โทรมมีด

Photobucket - Video and Image Hosting

Sunday, May 28, 2006

Make Up กันเถอะ ขำขำ

หมาย้วยเคยถามว่าแต่งหน้ายังไง ทำไมถึงแต่งได้เร็ว และออกมาดูไม่ค่อยเหมือนเพื่อนๆที่ทำงานของหมาย้วย
ไม่รู้ว่าเป็นคำชมหรือด่า แต่ก็บอกไว้ว่าถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่จะแต่งแล้วถ่ายรูปให้ดูทีละขั้น ว่ามันทำยังไงบ้าง
วันนี้ฤกษ์งามยามเหมาะ มีวันหยุดนอนอยู่ท่าเกาหลีเฉยๆ ฉันก็เลยได้แต่งหน้าถ่ายรูปเล่นตามที่เคยบอกกับหมาย้วยไว้

เริ่มต้นกันที่เครื่องสำอางก่อนดีกว่า
Photobucket - Video and Image Hosting
อย่าเพิ่งตกใจว่าทำไมมันมีเยอะแยะมากมายอย่างนี้ เวลาไปบินฉันพกเครื่องสำอางไปเท่านี้แหละ แต่ไม่ได้ใช้ทุกชิ้น จะเลือกใช้เฉพาะที่รู้สึกอยากแต่งเท่านั้น
คร่าวๆก็มี
1. ครีมกันแดด
2. เมคอัพเบส
3.คอนซีลเลอร์
4.ครีมรองพื้น+แป้งผุ่น
5.ดินสอเขียนคิ้ว ดินสอเขียนขอบตา หรืออายไลเนอร์
6.ไฮไลท์ และอายแชโดว์
7.มาสคาร่า
8.บรัชออน
9.ลิปไลเนอร์
10.ลิปสติก และกลอส

เอาละ มาเริ่มต้นกันเลยดีกว่า

นี่คือรูปที่ถ่ายก่อนการแต่งหน้า จะเห็นว่าโทรมทรุดที่สุดในโลก มีสิวฝ้าราคีมากมาย
Photobucket - Video and Image Hosting
เริ่มด้วยการทาครีมกันแดด ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากมายในการแต่งหน้าเวลาไปบิน เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV เนื่องจากเวลาเราอยู่บนเครื่องบินนั้น มีโอกาสได้รับรังสี UVA และ UVB ในปริมาณที่ต่างจากอยู่บนพื้นดิน นอกจากนี้การทาครีมกันแดดเป็นประจำยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรด้วย
จากนั้นก็ลงเมคอัพเบส แต่ก่อนเคยคิดว่าเมคอัพเบสไม่สำคัญ แต่พอบินไปนานๆจึงได้รู้ว่า เป็นตัวช่วยอย่างดีเวลาหน้าดูเหนื่อยโทรม จากการอดนอน จะช่วยให้หน้ากระจ่างใสมากขึ้น
Photobucket - Video and Image Hosting
แล้วก็ทาคอนซีลเลอร์และรองพื้น
Photobucket - Video and Image Hosting
สำหรับคนที่ไม่ได้สวยมาแต่อ้อนแต่ออก คอนซีลเลอร์เป็นเหมือนยางลบมหัศจรรย์ ช่วยลบจุดด่างดำบนใบหน้า ลบรอยสิวฝ้า กระให้จางลง แถมยังช่วยในการแก้ไขรูปหน้าได้ด้วย
พอทางแป้งฝุ่นทับ ก็จะได้หน้าเกลี้ยงๆ เอาไว้แต่งหน้าแบบนี้ ส่วนใครที่ขี้เกียจทารองพื้นก็แนะนำให้ใช้แป้งผสมรองพื้นไปเลย ได้ผลคล้ายกันแต่สำหรับไฟลท์ที่บินยาวนานระหว่างทวีป ทารองพื้นจะทำให้หน้าอยู่ได้นานกว่า เคล็ดลับคือเวลารองพื้น ให้แตะทีละน้อยๆ แต่เกลี่ยนานๆ นวดให้รองพื้นซึมเข้าใบหน้า พอทาแป้งทับก็จะเนียนกว่า
Photobucket - Video and Image Hosting
ขั้นตอนแรกๆเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมากในการแต่งหน้าเนื่องจากเป็นเหมือนการเตรียมหน้าให้พร้อมสำหรับการลงสีในขั้นตอนต่อไป เปรียบเหมือนการเตรียมกระดาษที่ดี เหมาะแก่การวาดรูป ถ้าเราเตรียมใบหน้าไว้พร้อม เวลาแต่งหน้าแล้วหน้าก็จะเนียนสวย ทนนาน ไม่ลบออกง่ายๆ
เคยมีคนถามว่าฉันใช้แป้งและรองพื้นยี่ห้ออะไร ทำไมมันถึงอยู่นานจัง ที่จริงใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้ที่ไม่แพ้ และเหมาะกับหน้าเรา ที่สำคัญคือขั้นตอนการทารองพื้นและลงแป้งฝุ่นมากกว่า
จากนั้นจึงเขียนคิ้ว วิธีการเขียนคิ้วของแต่ละคนต่างกันไปตามรูปหน้า แต่ก็เป็นวิธีที่สำคัญเพราะสามารถเปลี่ยนลักษณะโครงหน้าของเราไปเลย ใครที่คิ้วรกแนะนำให้ถอนหรือกันออกไปก่อนให้ได้รูป แล้วจึงใช้ดินสอเขียนคิ้วเขียนไปตามรูปคิ้ว ท้ายสุดจึงค่อยใช้ที่แปรงคิ้ว เกลี่ยให้เข้ากันเป็นรูป
ต่อไปเป็นขั้นตอนการทาตา เริ่มต้นที่ลงไฮไลท์บริเวณหัวตาก่อน
Photobucket - Video and Image Hosting
แล้วจึงทาอายแชโดว์ที่เปลือกตา ส่วนจะใช้กี่สีผสมกันยังไงบ้าง แล้วแต่อารมณ์ค่ะ วิธีที่ง่ายที่สุดคือซื้อเซ้ทที่มันมี 2-3สี เป็นโทนไล่กันมา จะได้ไม่ต้องลองใหม่ให้วุ่นวาย
Photobucket - Video and Image Hosting
ดูกันให้ชัดๆ เวลทาอายแชโดว์ เราจะทาสีอ่อนที่หัวตาก่อน แล้วจึงไล่สีไปจนถึงสีเข้มสุดบริเวณหางตา
Photobucket - Video and Image Hosting
จะได้การไล่สีแบบนี้
Photobucket - Video and Image Hosting

ทีนี้ก็ปัดแก้มด้วยบรัชออน วิธีปัดก็ตามรูปหน้าของแต่ละคนอีกเช่นกัน
Photobucket - Video and Image Hosting
การดัดขนตาก็สำคัญนะถ้าอยากให้ขนตาที่ดัดอยู่ได้คงทนถาวรให้เอาที่ดัดขนตาไปอังกับไดร์เป่าผมสักพักจนอุ่นๆ แล้วจังเอามาดัดขนตา จะได้ขนตาที่งอนเด้งสุดๆ
Photobucket - Video and Image Hosting
ทีนี้ก็เป็นคิวของมาสคาร่า มาสคาร่าที่ดีควรเป็นแบบกันน้ำ แม้จะล้างออกยากก็ตาม เนื่องจากตาจะได้ไม่เป็นแพนด้าเวลาบินไปไฟลท์ไกลๆ บางทีอากาศร้อนหน่อยเหงื่อออกก็ตาดำซะแล้ว เวลาปัดก็ค่อยๆปัดทีละนิด แล้วจึงปัดเพิ่มบริเวณที่อยากให้ขนตายาวขึ้น ขนตาจะได้ไล่กันเป็นช่อสวย
Photobucket - Video and Image Hosting
ก่อนทาลิปสติกควรเขียนขอบปากก่อนเพื่อวาดให้ปากเป็นรูปตามที่เราต้องการ แล้วเราก็สามารถเขียนให้ปากดูเหมือนยิ้มตลอดเวลา เป็นเคล็ดลับแก้อาการปากเบินของเราเอง
Photobucket - Video and Image Hosting
แล้วจึงทาลิปสติกสีสวยๆตามที่เราชอบ เราชอบทาลิปสติกผสมกันหลายๆสี เพื่อให้ปากดูมีมิติมากขึ้น อย่าลืมใช้พู่กันทาปาก (อันนี้ลูกหมีสอนมาว่า...)พู่กันทาปากจะช่วยควบคุมน้ำหนักของลิปสติกที่อยู่บนริมฝีปากของเรา
Photobucket - Video and Image Hosting
แล้วก็ตามด้วยกลอสใสๆ ช่วยให้ปากไม่แห้ง
เสร็จแล้ว !!!
Photobucket - Video and Image Hosting

Saturday, May 27, 2006

Mid Year Sales @SIN


ห่างหายไปนานกับการอัพดูด รูดบล็อก เนื่องจากกลับไปบ้านคราวนี้ต้องไปทำธุระสำคัญ ว่าด้วยเรื่องการทำสัญญากับธนาคาร และเรื่องโอนบ้าน เหนื่อยพอดู เลยได้ความรู้ใหม่ว่า การจะมีบ้านสักหลัง ต้องพร้อมทั้งกาย ใจ และต้องทำการบ้านมาให้ดีๆ ไม่งั้นจะหัวหมุนทรมานbodyแบบที่ฉันกำลังเป็นอยู่นี่แหละ

กลับมาบินคราวนี้เป็นแพทเทิร์นยาวเหยียด BKK~ICN~SIN~ICN~HKG~ICN~HAN~ICN~BKK แค่เห็นรายการยาวเหยียดก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาในท้อง ยังดีที่เป็นไฟลท์ D-type ไม่รู้สึกทรมานหัวใจมากเท่าที่ควร

เริ่มต้นแพทเทิร์นบินไฟลท์OZ744 ออกจากบ้านคืนวันที่ 23พ.ค.กับพี่หมีสุดสวย

Photobucket - Video and Image Hosting
ภาพพวกนี้เป็นภาพที่น้อยคนจะได้เห็น พวกเรากำลังเริงร่าอยู่ใน GLY
ถุงมือที่ใส่เป็นถุงมือเคลือบยาง กันความร้อนได้มากกว่าถุงมือปรกติ เอาไว้ใช้เวลาจัดรถอาหาร
Photobucket - Video and Image Hosting

ส่วนวันที่25พ.ค.ก็เริ่มต้นไฟลท์ไปสิงคโปร์ วันนี้ลูกเรือหน้าตาคุ้นเคยกันทั้งนั้น ฉันทำงานเป็นจูเนียร์ในครัวหลัง แม้จะมีรุ่นน้องรุ่น 82ทำงานอยู่ด้วย แต่น้องผู้ชายมีหน้าที่ขาย Duty Free ค่ะ งานส่วนใหญ่จึงตกเป็นหน้าที่ของฉัน แต่ก็ไม่ปริปากบ่นอะไรเพราะชินแล้ว -_-' ตอนแรกน้องเขายังไม่รู้ว่าฉันเป็นรุ่นพี่ ตั้งท่าจะจิกกันลูกเดียว (ชาติที่แล้วเป็นนกเหรอคะน้อง จิกไม่ดูตาม้าตาเรือ) แต่ก็ไม่ใช่ธุระอะไรที่ฉันจะต้องไปจิกเขากลับนี่ ตราบใดก็ตามที่เราทำหน้าที่ของเราครบถ้วน ตามตำราทุกประการ ใครก็มาว่าเราไม่ได้ ทั้งรุ่นพี่และผู้จัดการไฟลท์นี้ก็ดีเหลือหลาย เลยไม่อยากทำตัวเรื่องมากไปให้เป็นที่วุ่นวายขี้ปาก(แอร์เกา) ในที่สุด ไอ้รุ่นน้องวางก้ามคนนั้นมันก็รู้เองว่าฉันเป็นซอนแบนิมหรือรุ่นพี่ ก็จ๋อยไป งานนี้ไม่รู้เขาจะสำนึกไหม ว่าจะจิกใคร จงดูให้ดีๆ

มาคิดดูอีกที ก็แอบดีใจ เขาคิดว่าเราเด็กกว่าเพราะเราหน้าเด็กแน่ๆเลย คิดได้แบบแล้วสบายหัวใจ ทำงานได้สนุกสนาน

วันนี้ใช้เครื่อง A330บินค่ะ ข้อเสียของมันคือ เป็นเครื่องที่จุจำนวนผู้โดยสารได้โหดมาก โดยเฉพาะครัวหลังซึ่งฉันทำงานอยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร ไฟลท์นรกแตกกว่านี้ก็เคยทำงานมาแล้ว ผู้โดยสารวันนี้มากกันเป็นครอบครัว น้องเด็กวิ่งกันให้วุ่นเต็มเคบินไปหมด อะนะ ฉันก็วางมาดเป็นพี่แอร์ใจดี แจกขนม แจกของเล่น หนักๆเข้า เฮ้ย !ชักไม่ไหว น้องเด็กเอาขนมและของเล่นไปซ่อน แล้วทำหน้าใส ขอใหม่อยู่เรื่อย เลยจับกินโค้กกับถั่วให้มันลงไปท้องอืดซะให้เข็ด แถมด้วยยิ้มหวานจ๋อย มาดพี่แอร์ใจดี๊ ใจดี น้องเด็กทั้งหลายไม่มีใครรู้ทัน กินโค้กกับถั่วกันถ้วนหน้า ไม่นานพออิ่มกันได้ที่ก็หลับปุ๋ย มีบางคนที่ปวดท้อง เริ่มกระสับกระส่าย (ชิชิ โสนะหน้า บอกแล้วว่าอย่ากินเข้าไปเยอะ โค้กกับถั่ว พออยู่บนเครื่องแล้วมันทำให้ท้องอืดได้มากขึ้นกว่า 30%) ก่อนเครื่องลง น้องเด็กหลายคนมีอาการเมาเครื่องไม่รู้ว่าเป็นเพราะเครื่องตกหลุมอากาศได้อย่างน่าเวียนหัว หรือน้องเด็กกินขนมที่เราวางยาไว้มากไปหน่อย เริ่มรู้สึกผิดแฮะ แต่ไม่เป็นไร บอกแล้วว่าฉันเป็นแอร์ที่ดี๊ !!! เลยจัดการดูแลน้องเด็กอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พ่อแม่เขาท่าทางชื่นชมน่าดู หารู้ไม่ว่าทำไปเพราะสำนึกผิด ~>_<~ วิธีดูแลคนที่มีอาการเมาเครื่องจนอาเจียนก็ไม่มีอะไรมาก เช่นหากระดาษทิชชูให้เขาใช้เช็ดคราบสกปรก หาน้ำอุ่นๆให้เขาดื่มล้างปาก เอาถุงair sicknessให้เขาเตรียมไว้ เผื่ออาเจียนออกมาอีก หาผ้าร้อนมาให้เขาเช็ดหน้าตาให้สบายตัวขึ้น และถ้ามีเวลาพอ อย่าลืมใส่ถุงมือล่ะใครจะว่ายังไงฉันไม่สนหรอก แต่ป้องกันตัวเราจากเชื้อโรคต่างๆไว้เป็นดีที่สุด ส่วนใครที่เข้าใจว่าเวลาขึ้นเครื่องแล้วอาเจียน ให้เอายาแก้เมาเครื่องยัดใส่ปากผู้ป่วย อันนี้เป็นความคิดที่ผิดนะคะ คือถ้ารู้ตัวว่าเมาเครื่อง กรุณารับประทานยาก่อนขึ้นเครื่องอย่างน้อยประมาณ 15-30นาที เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ แล้วคุณก็จะง่วงหลับไป ไม่มีอาการทรมานกับเครื่องบิน แต่ถ้าเกิดอาการปั่นป่วนขึ้นมาแล้ว ยาทั้งกำก็ไม่สามารถช่วยคุณได้หรอกค่ะ อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้โดยสารขอยาแก้เมาเครื่อง เราก็มีไว้บริการอยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องอธิบายให้เขาเข้าใจด้วยว่ามันอาจจะไม่หายในทันที ต้องใช้เวลาให้ยาออกฤทธิ์

Photobucket - Video and Image Hosting
ประตู4Rของเครื่อง A330ค่ะ นานๆจะได้บินทีเพราะเป็นเครื่องที่ใช้บินไปสิงคโปร์ และญี่ปุ่นเท่านั้น
interiorภายในสวยงามกว่าเครื่องรุ่นอื่นๆของบริษัท
ชอบใจที่สุดตรงที่มันมี monitor seat และ ปุ่มเปิดปิดไฟด้านบนให้แอร์ทำงานได้สะดวกขึ้นด้วย

Photobucket - Video and Image Hosting
วันนี้บินกับรุ่นน้องชาวไซ่ง่อนรุ่น 81ค่ะ เธอชื่อไหมอัน หน้าตาน่ารักหมดจดดีเนอะ

เนื่องจากวันนี้บินกับน้องง่อนคนที่เคยบินด้วยกันมาก่อน แถมเจอกันบ่อยๆที่โรงแรม ทำให้รู้สึกว่าไฟลท์นี้น่าจะมีอะไรสนุก ไม่น่าเบื่อกว่าที่เคยไปสิงคโปร์มา เสียดายนิดนึงตรงที่เราเปลี่ยนโรงแรมแล้ว จากโรงแรมเดิมคือ Trader's กลายเป็นโรงแรม Furama ซึ่งอยู่ไกลออกไปหน่อย แต่ก็ตั้งอยู่ใมองอยู่ดี ทางโรงแรมมีรถรับส่งไปถนนออร์ชาร์ดเหมือนเดิม

Photobucket - Video and Image Hosting
หน้าตาโรงแรมใหม่ค่ะ ถึงจะไม่ค่อยดีเท่าที่เดิมแต่ก็พอทนอยู่ได้ ไม่ถึงกับเลวร้ายมาก
ส่วนรูปล่างเป็นอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ
Photobucket - Video and Image Hosting
ห้องนอนโรงแรมไหนก็หน้าตาเหมือนกันทั้งโลก สุดท้ายก็หลับสนิทอยู่ดี เพราะทำงานบนไฟลท์มันเหนื่อยจริงๆ
Photobucket - Video and Image Hosting

ช่วงนี้เป็นฤดูกาลGrand Saleของทั่วทั้งเกาะสิงคโปร์ นับเป็นช่วงเวลาสวรรค์ของนักช้อปปิ้งโดยแท้ สาวกแบรนด์เนมทั้งหลายสามารถมาจับจ่ายละลายทรัพย์ที่สิงคโปร์ได้อย่างเมามัน แต่เนื่องจากตอนนี้ฉันกำลังพยายามเก็บเงินสุดชีวิต เพราะเกเรบินๆหยุดๆมาเสียหลายเดือน ก็เลยต้องหักห้ามใจ ทำได้แค่ window shopping ไปพลางๆ เดินกับน้องไหมอันจนเหนื่อยก็ได้แวะกินมื้อเที่ยงที่ฟู้ดคอร์ทในLucky Plaza ค่ะ วันนี้กินข้าวอบหม้อดินทะเล ไม่ได้กินตั้งนาน พอมากินอีกที อร่อยจังเลย
Photobucket - Video and Image Hosting

ในที่สุดก็แพ้ใจ ได้เจ้าตัวนี้มาในราคา 8 $SDค่ะ หน้าตามันแป้นๆ ตัวนุ่มนิ่มกอดสบายจัง
Photobucket - Video and Image Hosting
Photobucket - Video and Image Hosting
ก่อนนอนเอาแรง ก็สั่ง room serviceมากินอีกมื้อ ค่ะ
จานนี้เรียกว่า Spagetti Con Le Grozze Salmon น่าตาน่ากิน แต่รสชาติก็พอกินได้ ไม่ถึงขั้นอร่อยโหด


ส่วนรูปด้านล่างคือ bento set ซื้อที่ห้าง Takashimaya เอามาไว้รับประทานก่อนไปบิน

Photobucket - Video and Image Hosting

ขากลับไฟลท์ไม่เหนื่อยเท่าขามา แต่ง่วงมากๆ เพราะก่อนบินนอนไม่ค่อยหลับ ผู้โดยสารขากลับเต็มทุกที่นั่งแต่เสิร์ฟสบายๆเพราะส่วนใหญ่อยากนอนมากกว่า มีผู้โดยสารคนนึงเป็นรุ่นพี่รุ่น 72 มาเที่ยวกับคุณแม่ แล้วถือมะม่วงกับมังคุดมาฝาก ไอ้ตัวฉันน่ะไม่ค่อยตื่นเต้น เพราะได้รับประทานบ่อยแล้ว แต่ได้ปอกมังคุดและมะม่วงให้รุ่นพี่เกาหลีได้รับประทานกัน เท่าที่สังเกตดู คนเกาหลีชอบผลไม้ที่นิ่มและมีรสหวานอย่างมะม่วง มังคุด ละมุด ทุเรียน ผลไม้พวกนี้เป็นผลไม้เมืองร้อน ไม่มีปลูกที่เกาหลี เลยมีราคาแพงมากๆ คงเหมือนกับสาลี่ หรือเชอร์รี่บ้านเราที่ราคาแพงและไม่อร่อยเท่ากับไปกินถึงถิ่น
ได้ถ่ายรูปกับไหมอันอีกแล้วค่ะ
Photobucket - Video and Image Hosting
Photobucket - Video and Image Hosting

ส่วนรูปนี้ถ่ายที่สนามบินคิมโปหลังลงมาจากไฟลท์ หน้ามันแผลบ เพราะเหนื่อย และง่วงเหลือทน
Photobucket - Video and Image Hosting

ข่าวดีอีกอย่างคือน้องเพื่อน เจ้าน้องสาวตัวกลม มันสอบเอ็นท์ได้(อีกแล้ว) ได้เข้าคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อืม....สมใจแม่ซะที แม้ว่าที่จริงแม่จะอยากให้น้องเรียนที่เภสัชฯ จุฬาฯ แต่แหม คนเรา อะไรจะได้อย่างที่ใจฝันทุกประการ มันก็มีล้มบ้าง ลุกบ้าง ปนๆกันไป ไม่งั้นชีวิตจะสนุกได้ยังไง

กลับมาถึงโรงแรม เจอข้อความในskypeขึ้นมา เป็นชื่อของหมาย้วยที่ใช้ออนไลน์
"หมารักคนย้วย ช่วยด้วยแฟนหาย ! "
เอ้อเฮอ...นี่ฉันไม่ได้โทรหาแค่ไฟลท์เดียว มันต้องประกาศกันอย่างงี้เลยเหรอเนี่ย -_-'

Monday, May 22, 2006

เรามารู้จักกันเถอะ

เคยมีเพื่อนๆ ที่อ่านบล็อกแล้วถามมาเสมอว่าอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเรา

อะ อยากรู้ก็บอกให้

ชื่อ: ฟ้าใส, แพร, 하늘
วันเกิด: May 20 ไม่ชอบบอกปีเกิด เดี๋ยวโดนหาว่าแก่
เชื้อชาติ: ไทย
ศาสนา: พุทธ
ส่วนสูง: 162 ซม.
น้ำหนัก: เปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ เน้นไปทางมากขึ้นอย่างไม่มีจุดหมาย
ตำหนิ: มีแผลเป็นที่ขาขวา เนื่องจากเดินตกท่อที่จุฬาฯช่วงเอ็นท์
กรุ๊ปเลือด: B เป็นคนเนือย เรื่อยเฉื่อยและ no comment โดยสันดาน
สัตว์เลี้ยง: หมาย้วย
พี่น้อง: น้องสาว 1 คน
สถานะ: โสดตามกฎหมาย มีแฟน 1 คน (กิ๊กไม่จำกัดจำนวน)
ภาษา: ไทย อังกฤษ เกาหลี(พูดได้เบาๆ ด่าได้ พูดภาษาสุภาพไม่ค่อยได่)
การศึกษา: ประถม – ประถมสาธิตวิทยาวัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ (มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์)
มัธยม – โรงเรียนหอวัง
- East Forsyth High School, NC, USA
อุดมศึกษา - มหาวิทยาลัยศิลปากร
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
(จบการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาศิลปะการละคร)

อาชีพ: เป็นมาหลายอย่างทั้งไกด์สมัครเล่น ครูสอนพิเศษ เลขานุการ head hunter พนักงานต้อนรับภาคพื้นของห้องVIPสายการบินดอกเหมย แต่ที่ทำอยู่นาน และชอบมากที่สุดคือ เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน สายการบินเอเชียน่า

รูปข้างล่างคือประเทศต่างๆที่เคยไปเยือนมาแล้ว



create your own visited country map
or check our Venice travel guide

ไม่อยากเชื่อเลยว่าเคยไปสัมผัสดินแดนต่างๆเหล่านี้มาแล้ว

Life Style

คติประจำใจ: You have only one life to live so, enjoy it every moment you can !
เพลง: ชอบฟังเพลงเก่าๆและเพลงแปลกๆที่คนอื่นไม่ค่อยชอบฟังกัน เช่นเพลง Sing ของ The Carpenter เพลงจีนโดยเฉพาะเพลงในเทศกลาตรุษจีน ชอบเพลงประกอบละคร เพราะเชื่อว่าเพลงที่ดีน่าจะมีเรื่องราวซ่อนอยู่ น่าค้นหา น่าติดตาม น่าแปลกที่เพลงแบบที่ชอบฟังมักชอบจากเนื้อร้องที่สวยงาม มีความหมายให้ค้นหา ไม่ชอบฟังเพลงโดยเลือกจาตัวนักร้อง นอกจากนี้ยังชอบฟังดนตรีบรรเลง โดยเฉพาะดนตรีที่มีกลิ่นอายของความเป็นตะวันออก
ของสะสม: ชอบสะสมโปสการ์ด โดยเฉพาะโปสการ์ดจากสถานที่ท่องเที่ยวที่ตัวเองเคยไปเยือน ชอบเขียนไดอารีตัวเองลงบนโปสการ์ดสวยๆแล้วส่งกลับมาเก็บเป็นเล่มไว้ที่บ้าน
ของสวยๆงามๆ: เครื่องสำอางที่ชอบที่สุดคือแบรนด์ Anna Sui เพราะติดใจแพคเกจจิ้งที่น่ารักมากมาย แต่ที่ใช้แต่งหน้าทาปากอยู่ทุกวันก็ซื้อได้เรื่อยๆ ไม่จำกัด แล้วแต่ว่าสะดวกยังไง แต่ที่สำคัญที่สุด เป็นคนแพ้ลิปสติกง่ายมากๆ โลชั่นที่ชอบคือ Bath and Body Work กลิ่น Sweet Pea ส่วน Hand Cream ชอบของ Crabtree และ และกลิ่น Rose ของ Jurlique



ความลับขำขำ

- ลด ละ เลิกรับประทานเนื้อวัวด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ ไม่เกี่ยวกับศาสนาหรือเหตุผลทางสุขภาพ (อย่าให้เล่าออกอากาศเพราะคนอ่านจะพาลกินเนื้อไม่ลงไปตามๆกัน)
- ไม่เคยทาแป้งเลยตั้งแต่จำความได้จนโตป่านนี้ เพราะมีเพื่อนใจร้ายเคยอำว่า ทาแป้งแล้วจะขี้ไคลเยอะ เลยเชื่อแบบเด็กอายุสมอง 3 ขวบมาจนทุกวันนี้
- ภาคภูมิใจมากมายกับรหัสนักศึกษา 540062 มหาวิทยาลัยศิลปากร ปี 2540 อย่างน้อย ในเวลาไม่ถึง 2 เดือนก็ทำให้ซาบซึ้งกับมหาวิทยาลัยศิลปากร ยังจำเพลงคณะ เพลงมหาวิทยาลัย ตลอดจนรุ่นพี่หลายๆคนได้จนทุกวันนี้
- มีความสุขมากมายเวลาได้ฟังเพลงอกหัก ชอบความเจ็บปวดอะ มี’ไรอ๊ะป่าว
- แพ้ช็อคโกแล็ตมาก เบาะๆก็เคยมึน งง ปวดศีรษะ ผื่นขึ้น ปากเจ่อ หายใจไม่ออก บวม เคยกินมากจนเกือบตาย หามส่งโรงพยาบาลกันแทบไม่ทัน
- ครั้งหนึ่งเคยบ้ากินวิตามินจนหมอสั่งห้ามโดยเด็ดขาด หลังๆกลับมากินใหม่ด้วยความสบายใจ หมอไม่รู้ ไม่เป็นไรหรอก
- ตั้งแต่เริ่มเป็นแอร์มาจนบัดนี้ น้ำหนักตัวขึ้นมา 10 กิโลกรัมแล้ว ~>_<~

Thursday, May 18, 2006

ซิดนี่ย์ที่รัก (ต่อ)

Photobucket - Video and Image Hosting Photobucket - Video and Image Hosting

เช้าวันรุ่งขึ้นฉันเดินไปกินแพนเค้กอีกแล้วค่ะ คราวนี้สั่ง Strawberry Patch แพนเค้กราดซอสสตรอเบอรรี่ และสตรอเบอรี่สดชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมครีมสดและไอศครีม อร่อยลืมอ้วนไปเลย ก่อนกลับเดินกินลมชมวิวสักเล็กน้อยเป็นการย่อยอาหาร Circular Quay ยามเช้าบรรยากาศดีจริงๆ แสงแดดอ่อนๆกับลมพัดเย็น ทำให้นึกไปว่าอยากมีใครสักคนมาเดินตรงนี้เป็นเพื่อนคงจะดีไม่น้อย ซิดนี่ย์เป็นเมืองที่สวย น่าอยู่แต่ะไม่เหมาะจะมาเที่ยวคนเดียว เพราะโรแมนติกเกินห้ามใจ

บรรยากาศที่ Circular Quay ยามเช้า
Photobucket - Video and Image Hosting Photobucket - Video and Image Hosting

พออากาศอุ่นขึ้นเล็กน้อยก็ได้เวลาเดินชมเมือง ไม่ได้มาซิดนี่ย์เสียนาน เดินไปทางไหนก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ คิดถึงที่นี่อยู่ไม่น้อย ตึก QVB (Queen Victoria Building) ก็ยังมีคนเดินกันหนาแน่นเหมือนเดิม แวะไป โรงหนังเสียหน่อยจะได้ขอแฮนด์บิลกลับไปฝากพี่ไก่ ชาวAou Station


Photobucket - Video and Image Hosting
ตึก QVB สวยเด่นเป็นสง่าหน้าตึกคือ สมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย

มองขึ้นไปบนยอดตึกแถวเซ็นเตอร์ พ้อยท์ มองเห็นยอดซิดนี่ย์ทาวเวอร์อยู่ลิบๆเลยตัดสินใจ ขึ้นไปเที่ยวสักหน่อยดีกว่า อันที่จริงฉันเคยขึ้นยอดซิดนี่ย์ ทาวเวอร์มาแล้วครั้งหนึ่ง สมัยเริ่มบินใหม่ๆแต่ขึ้นไปตอนค่ำๆ เลยเห็นวิวซิดนี่ย์ตอนกลางคืน คราวนี้กลางวันว่าจะส่องดูวิวให้สมใจ


Photobucket - Video and Image Hosting
มองจากด้านล่างขึ้นไปค่ะ จะเห็นยอดหอคอยอยู่ลิบๆ

Photobucket - Video and Image Hosting Photobucket - Video and Image Hosting
Display ที่จัดอยู่ด้านหน้าบูทขายตั๋ว

Photobucket - Video and Image Hosting
ทัวร์เดินตามขอบหอคอยค่ะ เอาไว้สำหรับนักท่องเที่ยวชอบผจญภัย น่าหวาดเสียวแทน

รูปด้านล่างเป็นทางขึ้นลิฟท์ไปสู่ยอดหอคอยค่ะ มีคนรอคิวอยู่ประปราย
Photobucket - Video and Image Hosting Photobucket - Video and Image Hosting

เกร็ดความรู้เล็กๆเกี่ยวกับซิดนี่ย์ ทาวเวอร์ (ได้มาจากแผ่นพับที่เขาแจก)

- เซ็นเตอร์ พ้อยท์ หรือ Center Point ประมาณช่วงปลายทศวรรษที่ 70’s ร้านค้ารุ่นแรกจำนวน 52 ร้าน เปิดจำหน่ายสินค้าประมาณปี 1972 และส่วนของสำนักงานทั้งหมดสร้างเสร็จสิ้นในปี 1974 ส่วนของหอคอยเมืองซิดนี่ย์หรือ Sydney Tower สร้างเสร็จในเดือน สิงหาคมปี 1981 ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในบรรดาตึกที่สูงที่สุดในโลก ตัวอาคารได้รับการออกเป็นให้ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศตลอดจนสภาวะแผ่นดินไหวได้เป็นอย่างดี

- สายเคเบิลที่ขึงรอบตัวอาคารมีจำนวนทั้งสิ้น 56 เส้น หากวางต่อกันเป็นเส้นตรงจะมีระยะทางเทียบเท่ากับเส้นทางจากเมืองSydney ไปถึงเมือง Alice Spring หรือจากประเทศออสเตรเลียไปจนถึงประเทศนิวซีแลนด์

- ส่วนของหอคอยได้รับการออกแบบให้รับน้ำหนักคนได้ถึง 960 คนประกอบด้วยภัตตาคาร 2 ชั้น ร้านกาแฟ และบริเวณสังเกตการณ์ รวมไปถึงเสาส่งสัญญาณต่างๆอีกด้วย

- มีลิฟท์ความเร็วสูงไว้คอบอำนวยความสะดวกแก่ผู้เยี่ยมชมจำนวนถึง 3 ตัว ใช้เวลาให้การขึ้นสู่ยอดหอคอยเป็นเวลาประมาณ 40 วินาทีเท่านั้น

- รอบหอคอยมีหน้าต่างทั้งสิน 420 บาน มีระบบทำความสะอาดอัตโนมัติโดยใช้การหมุนเวียนโดยรอบ ใช้น้ำประมาณ 50 ลิตรในการหมุนเวียนทำความสะอาดต่อหนึ่งครั้งและใช้เวลาถึง 2 วันในการหมุนเวียนทำความสะอาดหน้าต่างดังกล่าว


จากรูปหอคอย


Photobucket - Video and Image Hosting
1.ส่วนยอดแหลมของตึก สูงประมาณ 305 เมตรจากระดับถนน เป็นเครื่องส่งสัญญาณขนาดใหญ่
2.Plant room มีระบบทำความสะอาดกระจกอัตโนมัติ
3.หอสังเกตการณ์ที่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าชมโดยเสียค่าเข้าชมครั้งละประมาณ 25 $
4.Coffee Lounge
5.ภัตตาคารบุฟเฟต์
6.ภัตตาคารขายอาหารจานเดียว
7.ลิฟท์ 3 ตัวที่ใช้ขึ้นสู่ยอดหอคอย รวมทั้งบันไดหนีไฟติดตั้งระบบปรับความกดอากาศ มีสายเคเบิลจำนวน 56 เส้นช่วยพยุงน้ำหนัก
8.ศูนย์การค้า

น้ำหนักของหอคอยทั้งสิ้นประมาณ 5,683 ตัน !!!

อ้อ ! ลืมบอกไปว่า เป็นลูกเรือของสายการบินใดก็ตาม หากแสดง Crew ID จะสามารถขึ้นชม Sydney Tower ได้ฟรี ประหยัดเงินไปได้ตั้ง 24 AUD $ แน่ะ



Photobucket - Video and Image Hosting ขึ้นมาสูงขนาดนี้เลย

Photobucket - Video and Image Hosting Harbour Bridge จากมุมด้านบน

Photobucket - Video and Image Hosting ท่าเรือสุดที่รัก (Darling Harbour)

Photobucket - Video and Image Hosting

ขอถ่ายรูปตัวเองบ้าง

Photobucket - Video and Image Hosting

Photobucket - Video and Image Hosting

ลงมาจากSydney Tower แวะซื้อของนิดหน่อยแล้วจึงเดินเรื่อยเปื่อยไปจนถึง Circular Quay อากาศตอนบ่ายกำลังอุ่นสบาย ริมข้างทางมีนักดนตรีและนักแสดงศิลปะอยู่ประปราย บ้างก็เปิดหมวกให้คนโยนสตางค์เป็นค่าตอบแทน เดินไปจนถึง Opera Housr เลยได้เก็บรูปมาฝากกัน


Photobucket - Video and Image Hosting Photobucket - Video and Image Hosting

เครื่องเป่าที่ชาวอบอริจิ้นเป่าอยู่นี้เรียกว่าอะไรก็ไม่ทราบค่ะ แต่เสียงมันอู่อี่เหลือทน เคยเห็นเครื่องที่ว่าวางขายตามร้านของที่ระลึก แต่ก็ไม่เคยนึกพิเรนทร์จะหอบกลับมาบ้านสักที


Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting Photobucket - Video and Image Hosting

มาเยือนกี่ครั้ง ไม่เคยมีครั้งใดที่บ้านละครร้องหลังนี้ว่างเว้นไปจากการเยี่ยมเยือนของนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ส่วนมากก็เป็นชาวเอเชียอย่างเราๆท่านๆนี่แหละ บรรยากาศเมืองซิดนี่ย์สวยสดใสเกินกว่าจะมาเดินเที่ยวตามลำพังคนเดียว

คิดถึงทุกๆคนที่เมืองไทยจัง

Photobucket - Video and Image Hosting



ขากลับไฟลท์ไม่เต็มเหมือนขามา ผู้โดยสารแค่ 144 คนเท่านั้นเอง แอร์เลยทำงานกันสบาย สนุกด้วยเพราะคุยถูกคอกับรุ่นพี่บล 1 จำรูปข้างบนได้ไหมคะ รุ่นพี่คนสวยคนนั้นแหละเล่าให้ฟังว่า พอไปถึงซิดนี่ย์ เธอบินไปเจอเพื่อนอีก 2 คน ทั้ง 2 คนเคยบินกับฉันแล้ว ชมเปาะทุกคนว่าฉันเป็นลูกเรือที่แสนจะใจดี โดยเฉพาะกับรุ่นน้อง(ไม่เคยคิดเลยว่ารุ่นพี่ๆพวกนี้เขาจะซาบซึ้งกับความใจดีที่เราช่วยรุ่นน้องทำงาน) ชมกันมาๆแทบลอย เลยยิ่งตั้งใจทำงาน ไม่อยากให้เสียชื่อค่ะ


วันนี้เจอผู้โดยสารคนนึงบนไฟลท์ เป็นน้องเด็กหน้าตาหมดจด อายุประมาณ 10 ขวบเห็นจะได้ เธอมีอาการเมาเครื่องบินอย่างรุนแรง อาเจียนตั้งแต่เครื่องขึ้นยันเครื่องลง รับประทานอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด น่าสงสารค่ะ เดินผ่านไปทีไรก็สบตาละห้อยร้องว่า พี่จ๋าหนูหิว แต่พอเอาอะไรให้กิน เธอก็ปล่อยออกมาหมด คิดดูสิคะว่าFLT time ตั้ง 10ชั่วโมง น้องเด็กจะทรมานขนาดไหน ขนาดเครื่องจอด ผู้โดยสารคนอื่นลงไปหมดน้องเด็กก็ยังอาเจียนหน้าเซียวอยู่ตรงนั้นเอง ได้แต่ภาวนาให้เธอรีบไปหาหมอเร็วๆ เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาจะได้รักษากันทัน


ช่วงพักฉันนอนหลับเป็นตาย ขนาดมีเสียงโทรมาปลุกยังไม่ได้ยินเลย เป็นครั้งแรกที่นอนพักบนไฟลท์แล้วต้องมีรุ่นพี่ปลุกให้ตื่น ปรกติตื่นก่อนชาวบ้านเขาตลอด


จบไฟลท์ซิดนี่ย์แต่เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านแล้ว ดีใจจัง