Wednesday, December 12, 2007

여자이니까

여자이니까




도대체 알 수가 없어 남자들의 마음


원할 땐 언제고 다 주니 이제 떠난대


이런적 처음이라고 너는 특별하다는


그 말을 믿었어 내겐 행복이었어


말을 하지 그랬어 내가 싫어졌다고


눈치가 없는 난 늘 보채기만 했어


너를 욕하면서도 많이 그리울거야


사랑이 전부인 나는 여자이니까


모든걸 쉽게 다 주면 금방 싫증내는게

남자라 들었어 틀린 말 같진 않아


다시는 속지 않으리 마음먹어 보지만

또다시 사랑에 무너지는게 여자야


말을 하지 그랬어 내가 싫어졌다고


눈치가 없는 난 늘 보채기만 했어


너를 욕하면서도 많이 그리울거야


사랑이 전부인 나는 여자이니까


오늘 우린 헤어졌어 부디 행복하라고


너보다 좋은 사람만나길 바란다고


너도 다른 남자랑 똑같애 날 사랑한다고 말한땐 언제고


솔직히 나 네가 잘 되는거 싫어


나보다 예쁜 여자 만나 행복하게 잘 살면 어떡해


그러다 날 정말 잊어버리면 어떡해


난 이렇게 힘든데 힘들어 죽겠는데


아직도 널 너무 사랑하는데


사랑을 위해서라면 모든 다 할 수 있는

여자의 착한 본능을 이용하지는 말아줘


한여자로 태어나 사랑받고 사는게

이렇게 힘들고 어려울줄 몰랐어


너를 욕하면서도 많이 그리울거야


사랑이 전부인 나는 여자이니까




มันก็แค่อารมณ์หนึ่ง ที่ฟังเพลงเก่าๆ แล้วรู้สึกอะไรมากมาย
ใช่ เพราะเราเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง

เท่านั้นเอง


ปล. เป็นครั้งแรกในรอบปี ที่คิดถึงประเทศเกาหลีจับใจ
ส่วนหนึ่งของชีวิตอยู่ที่นั่น
และไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากลับไป
เราเชื่อเหลือเกินว่า
เสี้ยวหนึ่งในชีวิต จะยังรอเราอยู่....ที่เดิม

Thursday, November 15, 2007

กำลังอินกับรักแห่งสยาม.....อยากไปดูจัง

ถ้าบอกว่าเพลงนี้ แต่งให้เธอ เธอจะเชื่อไหม
มันอาจไม่เพราะ ไม่ซึ้งไม่สวยงามเหมือนเพลงทั่วไป

อยากให้รู้ ว่าเพลงรัก ถ้าไม่รัก ก็เขียนไม่ได้
แต่กับเธอคนดีรู้ไหม ฉันเขียนอย่างง่าย...ดาย

เธอคงเคยได้ยินเพลงรักมานับร้อยพัน
มันอาจจะโดนใจ แต่ก็มีความหมายเหมือนๆกัน

แต่ถ้าเธอฟังเพลงนี้ เพลงที่เขียนเพื่อเธอเท่านั้น
เพื่อเธอเข้าใจความหมายแล้วใจจะได้มีกันและกัน

มีความจริงอยู่ในความรักตั้งมากมาย
และที่ผ่านมาฉันใช้เวลาเพื่อหาความหมาย

แต่ไม่นานก็เพิ่งรู้ เมื่อทุกครั้งที่มีเธอใกล้
ว่าถ้าชีวิตคือทำนอง เธอก็เป็นดังคำร้องที่เพราะและซึ้งจับใจ

ให้มันเป็นเพลง บนทางเดินเคียง ที่จะมีเพียงเสียงเธอกับฉัน
อยู่ด้วยกันตราบนานๆ ดั่งในใจความบอกในกวี

ว่าตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง
คือทุกครั้งที่รักของเธอส่องใจ ฉันมีปลายทาง

มีทางเดินให้เราเดินเคียง และมีเสียงของเธอกับฉัน
มีทางเดินให้เราเดินร่วมเคียง และมีเสียงของเธอกับฉัน

เพลง กันและกัน ศิลปิน รักแห่งสยาม

Monday, November 05, 2007

เฮ้อ.....

ความรู้สึกไม่ได้หายไป
แม้เนิ่นนานเท่าไรยังห่วงหา
ติดตามข่าวไกลไกลตลอดมา
เพียงไม่กล้าไปสบตาทักทาย

แข็งใจกับเยื่อใยตรงนี้
หวังให้เธอนึกถึงบางทีที่ห่างหาย
ใส่ใจบ้างกับคนอ้างว้างเจียนตาย
ขอแค่แคร์มากมายระหว่างกัน

แม้เธอไม่รักเมื่ออยู่ใกล้
แต่เมื่อไกล ก็อยากให้ใส่ใจชีวิตฉัน
เพราะความรักยิ่งใหญ่กว่าคืนวัน
ต้องการให้คนรักใส่ใจกัน กว่าที่เป็น

Monday, October 22, 2007

หงอย....

ตกลง เรารักกันไหม

หรือว่า....ไม่ใช่

Sunday, June 24, 2007

บิน first flight กับ SNYฟ้าใส ใจดี๊ดี

เริ่มบิน SNYมาได้สักพักแล้วหละ
นับถึงวันนี้ก็บินมา 8 วันแล้ว แต่ก็ยังมีอาการเอ๋อๆอยู่
เล่าเหตุการณ์โดยรวมก่อนละกันนะ

ตอนนี้อาการเอ๋อบนไฟลท์น้อยลงแล้ว เริ่มชินมากขึ้น เหนื่อยหน่อยตรงที่ยังไม่คุ้นกับเครื่องเล็ก และไม่คุ้นกับ figure ของเครื่อง คาดว่าทำงานไปสักพักน่าจะคุ้นมากขึ้น อาการเอ๋อๆ หาของไม่เจอคงหมดไป แล้วก็หวังใจว่าจะรีบคุ้นกับระบบ pressurized ของเครื่องที่นี่เร็วๆด้วย เพราะลงมาทีไร มีอาการ Air Hunger ตลอดเวลาเลย บินไปนานๆจะสมองฝ่อหมดไหมวะเนี่ย

ทำงานที่แอร์เอมันต่างจากตอนอยู่ที่เก่าอยู่เหมือนกัน ต้องการเวลาปรับตัวมากๆๆๆๆๆ โชคดีที่เจอพี่ๆใจดีตลอด มีความสุขทุกวันที่ลากกระเป๋าไปบิน เหนื่อยหน่อยตรงที่ต้องไปบินที่สุวรรณภูมินี่แหละ ไกลโคตร

ข่าวฝากถึงเพื่อนๆผู้แวะเวียนมาถามข่าวคราว
คนสวยไม่ได้หายตัวไปไหน ไม่ได้ฝึกวิชานินจาด้วย แต่ที่มักจะปิดเครื่องตลอดเพราะไปบินไง กลับมาทีไรก็เปิดเครื่องทุกทีนะ

ถ้าต้องการตามตัว ให้ส่ง sms มา
ลงดินเมื่อไหร่ จะโทรกลับทันที


คิดถึงทุกๆคนจ้า

ปล. AF4 เปิดบ้านมาได้ week นึงแระ เดินกันยั้วเยี้ยเต็มบ้านไปหมด
วันนี้โหวตออกทีเดียวสี่คนรวดเรย เสียดายไปบิน KL เลยไม่ได้ดูคอนเสิร์ต

พรุ่งนี้ไปดู To be No. 1 จ้า

Wednesday, May 23, 2007

ในที่สุดก็ได้กลับบ้านซะที

ตามนั้น !!!

คิดถึงบ้านจัง

Wednesday, May 09, 2007

เตรียมสอบอีกวิชาแล้ววว......




อะนะ
ทั้งหมดนี้ต้องท่องให้ได้หมดเลย ห้ามผิดแม้แต่ตัวเดียว
คร่อกกกกก
CABIN EMERGENCY PREPARATION (MARKING SCHEME)
...

...
...
...
...
โอเค จบไปแล้วอีกหนึ่งหน้า
โฮๆๆๆๆ ที่เหลือยังท่องมะได้เรย T_T
หมาย้วย ช่วยโย๋เย๋ที

(เล่าต่อ)
วันนี้มีฝึกปฏิบัติด้วย สนุกดี
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะฝึกต่อ
แล้วจะมาเล่าให้หมาย้วยฟังทีหลังนะ

คิดถึงหมาทั้งสองตัวมากๆเลยจ้า

Sunday, May 06, 2007

Back to KL and study !!!

หลังจากกลับบ้านไป 3 วัน ทำธุระล้านแปด รวมทั้งพาปุกปุยไปฉีดวัดซีนรวม
ได้เวลากลับมาเทรนต่อที่ KL
คราวนี้จะเทรนเรื่อง Safety
ความยากของมันคือต้องสอบให้ผ่านได้ 100% เต็ม
ผิดไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียวถ้าสอบตก ให้โอกาสซ่อม ถ้ายังตกอีก เชิญเก็บกระเป๋ากลับบ้านได้เลย
ตอนนี้เลยต้องตั้งใจกันมากหน่อย

ไว้จะมาอัพเดทเรื่องที่ไปเที่ยวละกันน้อ....

แค่ได้คิดถึงเมืองไทย ก็สุขใจเหลือเกิน

มาได้ไม่กี่วัน นับวันกลับบ้านแล้วเนี่ย

Saturday, April 21, 2007

สวัสดี KL สวัสดี TAA

โย่วๆๆๆ
ที่จริงก็มาถึง KL หลายวันแล้ว
แต่ว่าเพิ่งจะมีเวลา update blog เน่าๆอันนี้
มาถึง KL ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2550
นับเป็นวันเริ่มงานที่บริษัท TAA เป็นวันแรก
(เพื่อนๆเค้าว่าเราหางานได้เร็ว ควรดีใจไหมนี่)
โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม น้องเพื่อนเลยได้อยู่บ้านเป็นเพื่อนพ่อ

โรงแรมที่เราอยู่ที่ KL ชื่อโรงแรม Concord Inn
อยู่ห่างจาก KL Intl' Airport แค่ 10 นาทีเท่านั้น
ทาง TAA เค้าให้แชร์ห้องอยู่ด้วยกันห้องละ 2 คน
เหมือนกันตอนเป็น trainee ที่เอเชียน่า
ภายในห้องก็สะดวกสบายพอใช้ แม้ว่าจะไม่หรูหราอะไร
แต่ก็ไม่คิดมาก เราอยู่ยังไงก็อยู่ได้อยู่แล้ว
เค้าให้จับคู่อยู่ห้องกันตามใจชอบ เลยจับคู่กับน้องว่าน
น้องก็โอเค น่ารักดีตามสไตล์เด็กสมัยใหม่

อาทิตย์แรกที่อยู่ในบริษัทนี้ ค่อนข้างประทับใจกับวัฒนธรรมในองค์กรของเค้านะ
เค้าสอนให้พนักงานในองค์กรรักกัน เพราะเค้าเชื่อว่ามันจะผลักดันให้องค์กรก้าวหน้าได้ดี
ซึ่งก็โอเคเลยหละ ได้ใจเราค่อนข้างมาก
คนมาเลเซียพูดภาษาอังกฤษดีมากๆเลย ดีกว่าคนเกาหลีเยอะมากกกกก
เราเลยประทับใจว่า ถึงเค้าจะเป็น Low Fare Airlines
แต่เค้าทำอะไรเป็น International ดี
อาทิตย์แรกยังไม่ยากอย่างที่คิด แม้จะมีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะก็ตาม
เพื่อนๆที่นี่ก็ดี น่ารักกันทุกคน สนิทกันดี
วันนี้สอบวิชา Aviation Terminology ไป
ได้ 100% เต็มด้วยหละ (แอบอวดซะเลย)
ข้อสอบไม่ยากอย่างที่จิ้นเอาไว้แต่แรก แค่ท่องตรงที่เค้าเน้น ก็ตอบได้แล้วหละ

เย็นนี้จะไปงานเลี้ยงต้อนรับที่พวกที่ๆนักบินและ engineer เค้าจัดเลี้ยงพวกเรา
ไม่รู้ว่าจะดีหรือเปล่า แต่พวกเราก็จะไปกันทุกคน (แน่นอน เราต้องการคนเลี้ยงข้าวฟรี)
พรุ่งนี้จะลองเข้าไปที่ตัวเมือง KL เพราะตรงที่เราอยู่มันห่างจาก KL ตั้ง 60 km. แน่ะ

แล้วจะมา update blog ใหม่

วันนี้มีความสุขเหมือนทุกวัน
แต่คิดถึงหมาย้วย และหมาปุยจังเลย

โบ้วๆๆๆ

Wednesday, April 11, 2007

เรื่องของปั๊กปุย




http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J5305159/J5305159.html

เอามาแปะเอาไว้

เริ่ม adopt เค้าได้ซักพักแล้ว
จากหมาจรจัดหน้าตาน่าเกลียด
ทุกวันนี้ ปุกปุยก็ยังน่าเกลียดอยู่
แต่มันรักเรา และขี้ประจบมากมาย
เริ่มจากเอาอาหารเหลือๆให้มันกิน
หลังๆปุกปุยก็เริ่มกินเป็นโครงไก่สับ
เดี๋ยวนี้เริ่มหัดให้เค้ากินอาหารเม็ดแล้ว

จับปุยปุยไปฉีดยาเรียบร้อยเมื่อวันที่ 7 เมษายน
ตอนแรกไม่กล้าพาขึ้นรถไป เพราะกลัวมันจะกัดเอา
เลยต้องจ้างคุณอ๊อดมาฉีดยาสลบ
ตอนยาเริ่มออกฤทธิ์ สงสารมันมากๆ เพราะมันเดินเซไปหาที่นอน
แต่คุณอ๊อดก็เอาห่วงคล้อง ลากมันออกมามัดปาก มัดเท้า
จับใส่กล่องขึ้นรถให้เรียบร้อยดีมาก
แต่พอเห็นปุกปุยโดนมัดเท้า มัดปาก ก็เล่นเอาเราแทบน้ำตาร่วง
บอกมันในใจว่า ชั้นทำไปเพราะรักแกนะ

สภาพปุกปุยคงแย่มาก เพราะพอไปถึง ช่างเค้าไม่ยอมทำ groomong ให้มันเลย
มีแต่คุณหมอท่าทางใจดีจับมันฉีดยา เจาะเลือด แล้วก็ทำอะไรอีกเพียบ
สรุปวันนั้นปุกปุยโดนไปทั้งหมด 7 เข็ม
ตรวจเจอพยาธิเพียบ ทั้งพยาธิเม็ดเลือด พยาธิหัวใจ
เสียค่ารักษาไปมากโข รับยากลับมาอีกเพียบ

ฉีดยาเสร็จกลับมาบ้าน ปุกปุยเลยโทรมหงอย
ไม่ยอมกินอะไรเลย คงจะเจ็บแผลฉีดยา
เอาอะไรให้กินก็ไม่กิน แต่ในที่สุด มันก็ยอมกินซีซ่าส์ไป

อยากพยายามเลี้ยงมันให้ดีๆ แต่ไม่รู้จะได้ดีแค่ไหน เพราะเราไม่เคยเลี้ยงหมาเลย

Tuesday, April 03, 2007

ไปดูละครเวที AF The Musical และข่าวจาก TAA

เมื่อวันซืนได้ไปดูละครเรื่อง เงิน เงิน เงิน รอบแรกมาค่ะ
ตอนแรกเกือบจะไม่ได้ไปดูซะแล้ว เพราะกำหนดการเดินทางไปเทรนที่มาเลเซียเป็นวันที่ 2 เมษา แต่ว่าทางแอร์เอเชียเขาโทรมาเลื่อนการเซ็นสัญญาไปก่อน เพราะมีคนสละสิทธิเยอะ class เราเหลือคนอยู่นิดเดียว มันจัดห้องเทรนไม่ได้ เลยต้องเรียกคนให้เพิ่มขึ้นมา
เอ้า ! เลื่อนก็เลื่อน ไม่ว่าอะไร ขอให้เรียกจริงแล้วกัน
ตอนแรกขายบัตรวันที่ 8 ไปแล้ว แต่เหลือบัตรวันที่ 31มีนา ว่างๆอยู่พอดี เลยไปดูซะหน่อย เพราะเราห่างหายจากชาว JBT ไปพอสมควร
พี่ออนบอกว่าบัตรที่เรานั่งนั้น ราคา 500 บาท นั่งอยู่เกือบหลังสุดโรงพารากอน ฮอลล์ ไอ้เรามันสายตาไม่ปรกติอยู่แล้ว ก็ยิ่งดูละครไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ มองไม่ค่อยเห็นหน้าตัวละครหรอก ได้แต่รับพลัง แล้วก็ฟังเสียงเอา แต่ก็คิดว่าได้อะไรอยุ่เหมือนกัน ไว้ว่างๆจะมาเขียนถึงละครแล้วกันนะ
โดยรวมก็ประทับใจ รู้สึกว่าทำดีกว่าจัดคอนเสิร์ต อาจจะเป็นเพราะตัวเราชอบดูละครเวทีมากกว่าดูคอนเสิร์ตด้วยมั๊ง เลยชอบมากหน่อย คราวนี้ทีมงานเบื้องหลังเป็นคนชื่อคุ้นๆในวงการละครเวทีทั้งนั้น เราเลยดูละคร มีความสุขดี
ละครเลิกเลทไป 2 ชั่วโมงโดยประมาณ เป็นความผิดที่ให้อภัยไม่ได้อย่างยิ่ง แต่ก็ไม่รู้จะอารมณ์เสียไปทำไม มาดูละคร ไม่ได้มาจับผิดการทำงานของเขา
เนื่องจากละครเลิกช้า เลยทำให้วันงดอาหาร ยิ่งโหดหนักสำหรับเรา จำได้ว่าเดินหาของกินตาลาย คำนวณอยู่นานว่าจะกินอะไรเข้าไปชดเชยขนมปังป้งกับไข่ต้ม สุดท้ายก็ลงเอยที่ซูชิของโออิชิ อดอาหาร อดนอนและออกกำลังกายหนักไปหน่อย นั่งรถกลับบ้านมาถึงกับเบลอไปเลย ตั้งใจว่าคราวหลังจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว
วันนี้บ้านที่ต่อเติมเกือบเสร็จแล้วนะ ครัว เทอเรส สวยงามดี แต่ติดตรงที่ฝุ่นเยอะไปหน่อย ช่างเก็บงานเสร็จคงต้องขจัดฝุ่นกันขนานใหญ่ วันหลังจะเอารูปมาลงในบล็อคนี้แล้วกัน
ค่ำๆวันนี้พี่พล (เพื่อนที่ TAA) โทรมาถามข่าวคราว ว่าคนอื่นๆได้รับโทรศัพท์เรียกกันแล้ว ตกใจว่าทำไมเค้ายังไม่เรียกเรา ไปเช็คโทรศัพท์ดูถึงได้เห็นว่ามี missed call หลายครั้ง ได้รับข้อความในมือถือว่าให้โทรกลับไปที่ TAA ด้วย เลยรีบโทรกลับไป ปรากฏว่าเค้าให้ไปเซ็นสัญญาวันที่ 10 และเดินทางไปมาเลเซียวันที่ 15 เมษายนนี้
จะเลื่อนอีกรอบหรือไม่ รอลุ้นกันต่อไป
ปล. ตอนนี้เพื่อนผู้ชาย 3 คนคือเอ็ด พี่พล และแจ็ค ยังไม่ได้รับโทรศัพท์ ในขณะที่เพื่อนผู้หญิงส่วนใหญ่ได้รับเรียกกันหมดแล้ว มาช่วยกันลุ้นดีกว่า อยากให้เค้าไปไปเทรนรุ่นเดียวกันจังเลย

Friday, March 23, 2007

ใครๆก็บินได้

เอาละ ไม่ต้องพูดให้มากความ
แวะเข้ามาอัพบล็อคกันหน่อย

อะ

ก่อนอื่นขอบอกตรงนี้ (บอกตัวเองคนเดียว ใครจะมาอ่าน) ว่าเราเองก็สำนึกบุญคุณของบ้านเก่า ที่พักพิงให้ข้าวให้น้ำเรากินมานานเต็มที อย่างน้อยก็ให้โพรไฟล์ที่ดีกับเรา เดินไปที่ไหน บอกว่มาจากเอเชียน่า ถ้าคนในวงการลูกเรือจะมองเราด้วยสายตาแบบ โอ้โห ! เอเชียน่าเลยว่ะ ไฮโซดีจริง ก็ยอมรับว่าชื่อเสียงมันดีจริงๆ ทำงานที่เอเชียน่าไม่สบาย แต่ไม่เรียกได้ว่าลำบากหรอกนะ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่เอเชียน่าดีหมดทุกคน ย้ำ ! ดีหมดทุกคนจริงๆ โดยไม่มีข้อยกเว้น ข้อดีอีกประการที่เห็นชัดๆของเอเชียน่าคือ ไม่เคยเบี้ยวเราเรื่องเงินเลย (เอ้อ....ถ้าไม่นับเรื่องดิวตี้ฟรีที่หนนั้นคิดผิด ทำเอาบ่นกันสนุกไป)ไม่เคยเงินออกไม่ตรงเวลา เรื่องโกงเงินเดือน โกงเปอร์เดียมแล้วหายจ้อยเหมือนสายการบินหลายๆแห่งในเมืองไทยก็ไม่มีเด็ดขาด รำคาญนิดหน่อยตรงระบบการทำงานของเกาหลี ที่อยู่ยังไงก็ไม่คุ้นเคย แต่พอทำงานไปนานๆ ก็ทำใจได้ หักลบแล้ว เอเชียน่าก็ยังเป็นบ้านเก่าที่เรารักและผูกพัน

แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับการสมัครงานใหม่อะนะ
ใช่ต้องสมัครงานใหม่ เพราะชีวิตคนเราต้องเดินไปข้างหน้า

สายการบินประเภทแขก ไปไกลๆเลย ไม่คิดจะไปอยู่เด็ดขาด สาบานกับตัวเอง ต่อให้ได้เอมิเรตส์ ก็ไม่มีทางไปเหยียบเมืองแขกแน่ๆ เว้นแต่จะมีไฟลท์บินไปขำๆ ให้ไปอยู่เลยไม่ไปชัวร์ เราติดหมา และติดเมืองไทยมากกว่าอะไรทั้งหมด อยู่บ้านแบบไม่มีกำหนดจะไปไหนแบบนี้มันก็ดีไปอย่างตรงที่เราได้ซึมซับกับเมืองไทย เพิ่งรู้ตัวนะ ว่ารักอากาศร้อนๆ รถติดๆ รักพื้นถนนสกปรกๆแบบที่กรุงเทพฯ ไม่ว่าจะไปไหน มาจากไหน ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ กรุงเทพฯ ก็ยังเป็นเมืองที่ให้ความอบอุ่นทางใจแก่เราได้เสมอ

โดยเฉพาะเวลาที่เรามีคนที่เรารัก และรักเราอยู่ข้างๆเนี่ยแหละ

ที่จริง ตอนที่นั่งอัพบล็อกอยู่นี่ ก็ได้งานใหม่แล้ว ใครจะคิด ออกจากงานที่เก่ามาได้อาทิตย์เดียว (ฉันว่างงานโดยพฤตินัยอยู่อาทิตย์เดียวจริงๆ) วันนี้ ไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ ได้งานใหม่อีกแล้ว

ได้เจอเพื่อนใหม่หลายคนจากการสมัครงาน ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกเรือจากสายการบินอื่นๆกันมาทั้งนั้น เราไม่ชอบความรู้สึกที่ไปนั่งๆคุยกัน แล้วคอยถามคนโน้นคนนี้ว่าบินที่ไหนมา ชั้นบินที่xxxx อยู่นะ แล้วเธอล่ะ อ๋อ อยู่ที่ yyyy เหรอ ดีไหม จ่ายเป็นไง อวดกันไปอวดกันมา นั่งอยู่แล้วก็สงสารน้องๆที่เขาจบใหม่แล้วเข้ามาสมัครงาน โดนจิกโดยไม่รู้ตัว บางทีก็เป็นความรู้สึกที่....แข่งๆชิงดีชิงเด่นกันอยู่ในที ว่ากูแน่นะโว้ย เรานั่งของเราเงียบๆ ยังโดนถามจนได้ ว่าเธอบินที่ไหนมารึเปล่า หรือว่าไม่ได้เป็นเอ็กซ์ครูว (โหย.....สำคัญตนผิดไปเหอะ การเป็นลูกเรือมาก่อน ไม่ได้แปลว่าคุณจะดีเด่นเลิศกว่าชาวบ้านนะคะ) เราก็ก้มหน้าก้มตาตอบเขาไปว่าบินเอเชียน่ามา 3 ปี เท่านั้นแหละ วงแตก (ทำไมยะ บินเอเชียน่ามา 3 ปี มันน่าสนใจตรงไหนมิทราบ) แล้วก็จะมีบางคนเข้ามากระดี๊กระด๊า อยากเป็นเพื่อนขึ้นมาทันที เฮ้อ ! คนดีๆมันก็มีหรอกนะ แต่คนเสื่อมๆก้อ...มีบ้าง

คิดแล้วก็ให้ปลงอนิจจัง ธุรกิจการบิน เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูงทรักษาภาพลักษณ์กันยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด บางทีมันก็ทำให้คนอาชีพนี้ลืมตัวไปได้เหมือนกัน ทำให้คิดไปได้ว่ากูแน่ กูเจ๋ง
หารู้ไม่วาคิดแบบนี้เมื่อไหร่มันจะกลับมาเป็นภัยทำร้ายตัวเองทันที

แต่ก็จะยังลองสมัครงานลูกเรือต่อไป ไม่เอาสายการบินแขก(ฉันเกลียดดดดแขก นะนายจ๋า !!!)ไม่เอาแจลรับไม่ได้กับการจิกกัดโดยรุ่นพี่คนไทยด้วยกันเอง การบินไทยก็สมัครไม่ได้เพราะอายุเกิน (~>_<~)

แล้วหล่อนจะไปทำงานอะไร เลิกคิดสมัครงานลูกเรือเหอะ

ช่วงนี้อารมณ์ซึม งึมงัม ไม่มีเปลี่ยนแปลง พยายามท่องพระคาถาชินบัญชรจนสำเร็จ ท่องๆไป พอใกล้ๆจะจบบทท้ายๆ มั่วไปได้เองทุกที พยายามต่อไป

เข้ามาอัพบล็อคไม่ได้บ่อยเหมือนเคย เพราะไม่ได้บินแล้ว จะเอาเน็ทเร็วๆมาจากไหนได้อีก นอกจากอาศัยมาเล่นที่บ้านหมาย้วยบางครั้งบางคราว ตราบใดที่บ้านยังไม่มีโทรศัพท์

ก็คงอีกนาน กว่าจะกลับมาเป็นไซเบอร์เกิร์ลตามเดิม

===

หลังจากหายหัวไปนาน จนแทบจะลืมๆการเขียน blog ไปแล้ว วันนี้ เข้ามาปัดฝุ่นสักที updateข่าวตัวเองอีกนิดหน่อย อันที่จริงก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จะบอกว่าได้งานใหม่ จะไปเทรนเดือนหน้านี้แล้ว ฟังดูเหมือนฉุกละหุกนะ แต่ที่จริงเขาก็เรียกเราตั้งนานแล้ว เรามันไม่เตรียมตัวเอง มัวแต่เรื่อยๆเฉื่อยๆ


สรุปเหตุการณ์สั้นๆแค่ว่า

วันที่ 23 ก.พ. 50
ไปสมัครงานตำแหน่ง International Coordinator ที่การบินไทย ผู้คนล้นหลามมาก แต่ก็สมัครไปงั้นๆเอง เริ่มรู้สึกว่าควรจริงจังกับการหางานใหม่ซะที สมัครเสร็จ ระหว่างทางนั่งแท็กซี่กลับมา Air Asia ก็โทรมาเรียกให้เข้าไปสอบ Attitude Test สัปดาห์ถัดไป วางหูโทรศัพท์งงๆ เพราะเราน่ะ สอบสัมภาษณ์แอร์เอเชียไปตั้งแต่ปีมะโว้ จำได้ว่า Walk in Interview รอบแรกวันที่ 12 รึ 13 ธ.ค. แล้วก็ไปสัมภาษณ์รอบสองวันที่ 15 ธ.ค. จนกระทั้งอกมาจากเอเชียน่า หลังจากนั้นก็หายไปนานมาก นานจนลืมไปแล้ว นึกว่าไม่ได้ไปแล้วด้วย โอเค ให้สอบใหม่ ไปสอบก็ได้ (วะ)

สัปดาห์ถัดมา
เข้าไปสอบ Attitude Test ข้อสอบมี 276 ข้อ ตอบภายในเวลา 45 นาที อุแม่เจ้า ! แค่อ่านยังงงๆ นี่แหละ ที่เค้าเรียกว่าการทดสอบทัศนคติ เค้าจะให้เราตอบเป็นตัวเอง ไม่หลอกข้อสอบ ไม่โกงข้อสอบ แหงหละ จะคิดมากได้ไง แค่ทำให้ทันก็ยากแล้ว หลังจากนั้นก็กลับมารอใจเต้นระทึกอีกอาทิตย์นึง ด้วยความกลัวว่าจะจิตผิดปรกติ สอบไม่ผ่าน

ทีนี้เลยตัดสินใจ เอาไงเอากัน ไม่ไปสอบข้อเขียนของการบินไทยแล้ว เพราะคิดดูแล้ว ระหว่างสองตำแหน่งงาน (แอร์ของ FD หรือพนักงานออฟฟิศของ TG) เป็นแอร์ก็คงได้เงินเยอะกว่า ขอตัดใจจาก TG สายการบินในฝัน เพราะถึงไปสอบ ก็ใช่ว่าเขาจะเอาเรานี่นะ

9 มี.ค. 50
ไปตรวจร่างกายที่เวชศาสตร์การบิน โรงพยาบาลภูมิพล โดนเจาะซะสองเข็ม เพราะเราเป็นคนเส้นเลือดอยู่ลึก ต้องตีแขนอยู่นาน ให้เส้นเลือดขึ้น แถมเจาะเข้าไปแล้วไม่เจอเส้น ต้องควานๆๆๆ น้ำตาจะไหล ผลสุดท้าย เจาะไม่ได้ค่ะ ต้องย้ายมาเจาะแขนอีกข้าง ซึ่งก็.....โดนควานแขนจะหลุดอีกเช่นกัน ทำไมเจาะเลือดหลอดเดียวมันเจ็บมากกว่าบริจาคเลือดเนี่ย เคยไปบริจาคเลือดที่สภากาชาด บริการสุดยอด แถมไม่เจ็บมากอย่างนี้ด้วย กว่าจะตรวจร่างกายเสร็จ คนสวยเลยโดนซะแขนเขียวช้ำทั้งสองข้าง เข็ดหลาบกับหมอทหารจริงๆ

ตกบ่ายมีสอบสัมภาษณ์รอบสองแอร์ของบริษัท Sky Star Airways แต่ตัดสินใจไม่ไปดีกว่า จะได้ไม่เป็นการปิดกั้นโอกาสคนอื่นๆด้วย ยังมีคนอีกเยอะที่อยากกระโดดเข้ามาร่วมงานในอาชีพนี้ พูดก็พูดเถอะ ตัวเราเองไม่ใช่คนสวย คนเก่งอะไร แต่ก็ยัง(ไม่เจียม)ชอบเป็นแอร์กับเขานี่นา

กลับบ้านมาลุ้นระทึกต่อไป จะเตรียมจัดกระเป๋า เตรียมเอกสารอะไรก็ไม่กล้า กลัวเตรียมตัวเก้อ เลยเอ้อระเหยไปเรื่อยๆ ตอนนี้อาการป่วยของพ่อดีขึ้นมากมาย พ่อกลับมาซ่าได้เกือบเท่าเดิมแล้ว น้องปิดเทอมกลับมาอยู่บ้าน(ดี พ่อจะได้ไม่เหงา) บ้านก็กำลังต่อเติมครัวออกไปจนสุดกำแพง ค่าต่อเติมแพงโหด เพราะเล่นใช้วัสดุอย่างดี

ส่วนตัวเองแทบจะตัดขาดออกจากสังคมเดิมๆ เพราะมีธุระปะปังสุมหัวมากมาย หายหัวไปจากเว็บบอร์ดอื่นๆที่เคยเข้าไปเที่ยวเล่น

วันก่อนมีปาร์ตี้สละโสดของหมวย เพื่อนสุดสวยที่เอเชียน่า ตามเพื่อนๆกลับไปเฮฮากันได้ตั้ง 14 คน เพื่อนที่ออกไปแล้วก็ยังกลับมาสนุกกัน ร้องคาราโอเกะที่ร้าน Urban Bar and Karaoke แถวถ.นราธิวาสราชนครินทร์ ร้านไฮโซทีเดียว กลับไปเจอเพื่อนๆถึงได้รู้สึกว่าที่จริงรักและคิดถึงเพื่อนๆที่เอเชียน่าขนาดไหน

21 มี.ค. 50
ได้รับโทรศัพท์จากแอร์เอเชียเรียกเข้าไปเซ็นสัญญาแล้ว เตรียมเอกสารวุ่นวายไปหมด แถมต้องเตรียมตัวไปเทรนที่มาเลเซียด้วย ไปเทรนวันที่ 2 เม.ษ.50 แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะกลับวันไหน

เอาน่า......ขำๆ ชีวิตก็สนุกแบบนี้แหละ มีอะไรให้ลุ้นตลอดเวลา ตอนนี้รู้สึกขอบคุณนะ ที่แอร์เอเชียเค้ามองเห็นความสามารถและให้โอกาสแอร์อ้วนอย่างเราเข้าไปทำงาน เคยได้ยินคนในวงการลูกเรือเค้าว่ากันว่าแอร์ของแอร์เอเชียน่ะ ต้องดูแรง เว่อร์ เซลฟ์มากๆ แต่เท่าที่เห็น เพื่อนๆที่ได้เทรนรุ่นเดียวกัน เขาก็เรียบร้อยน่ารักดีนะ ไม่เห็นมีใครแรงสักคน


ใครๆก็บินได้

จริงๆนะ

=======

ขอปิดท้ายด้วยการแปะรูปไฟลท์สุดท้ายที่เอเชียน่าแล้วกัน

เริ่มด้วยรูปแรกเลย หน้าตาของเครื่อง B747 -400COMBI ที่เราใช้บิน เท่าที่เคยบิน รู้สึกว่าเราจะบินด้วยเครื่อง COMBI บ่อยที่สุด ประการแรกเพราะเป็นไฟลท์ที่ใช้บินกลับบ้าน (โดยมาก)และเป็นเครื่องที่ใช้บินไปไฟลท์ระหว่างทวีปด้วย เค้าว่ากันว่าเครื่อง COMBIนี่แหละที่ปั๊มเงินให้กับบริษัทมากที่สุด เพราะใช้บรรทุกคาร์โก้ก็ได้ ใช้ใส่ผู้โดยสารก็ดี เหมาะสำหรับไฟลท์ที่มีผู้โดยสารไม่มากนักราวๆ250คน ก็พอไหว แถมใส่คาร์โก้ได้อีก คุ้มกว่าใช้บินเครื่อง PAX แต่คนไม่เต็ม รู้สึกดีที่ไฟลท์สุดท้ายเราใช้เครื่อง COMBI มาบิน
Photobucket - Video and Image Hosting

รูปที่สอง มองจากประตู R4ของเครื่อง COMBI เรานั่ง jumpseat ตรงนี้บ่อยเหมือนกันเพราะมักเป็นที่ที่เค้าให้ oversea crewนั่ง ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
Photobucket - Video and Image Hosting


รูปที่สาม ประตูด้าน L ของเครื่อง COMBI ค่ะ จะเห็นได้ว่าเครื่อง B747 เป็นเครื่องที่ทำงานง่ายมาก ไม่สับสนเลยไม่ว่าจะเป็น slide mode หรือ slide pack ตัววัดความดันก็เห็นได้ชัดเจนมาก สรุป ถ้าบินเครื่อง B747 ไม่เป็นเนี่ย ก็ไม่ต้องไปบินเครื่องที่อลังการกว่านี้แล้วค่ะ เครื่องนี้เล่นง่ายสุดแล้ว
Photobucket - Video and Image Hosting

ไฟลท์สุดท้ายบินกับโก๊ทค่ะ คนตรงกลางเป็นแมเนเจอร์นิมรุ่น 20 สร้างความประทับใจให้เขามากมายเพราะเขาชื่นชมในความ attitude ของเรา แต่มันดันเป็นไฟลท์สุดท้ายในการทำงาน

เห็นรูปแล้วกลุ้มจิต ทำไมวันนั้นฉันเขียนคิ้วได้งิ้วมากๆเลย
Photobucket - Video and Image Hosting

รูปต่อไป ถ่ายกับพี่เก๋ค่ะ พี่ seniorที่สุดของ Asiana พี่เค้าอยู่เกาหลีมานานมากๆ 11ปีแล้วค่ะ ชื่นชมในความอดทนของพี่เค้าเลย ถ้าใครเคยทำงานกับคนเกาหลีจะรู้ว่าคนเกาหลีน่ะ ทำงานโหดขนาดไหน

แอบชื่นชมแมเนเจอร์นิมด้วยว่าเค้าอายุเยอะแล้ว ทำไมยังดูสาวและสวยอยู่เลย ไม่เหมือนฉัน หน้าแก่กว่าเค้าอีก เฮ่อ !
Photobucket - Video and Image Hosting

โก๊ทอีกรูปค่ะ เข้าไปแรกๆไม่ค่อยสนิทกับโก๊ทเท่าไหร่ เพราะเรามันเป็นคนคุ้นกับคนอื่นยาก แต่พออยู่ไปนานๆ เพื่อนร่วมรุ่นเหลือไม่กี่คน เลยสนิทกันหมด
Photobucket - Video and Image Hosting

นี่รูปวันสุดท้ายที่เข้าไปคุยกับมิสชินก่อนกลับบ้าน จำได้ว่าร้องไห้ตาบวมเลย
Photobucket - Video and Image Hosting

สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการที่ได้ทำงานที่เอเชียน่าคือได้ประสบการอันมีค่า หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เราได้เพื่อนที่ดีทุกคน
รักทุกคนนะจ๊ะ

เพลงสำหรับ blog หน้านี้ ไม่รักแต่คิดถึงค่ะ







ชีวิตบางช่วงที่เกี่ยวกัน
เราได้แลกเปลี่ยนซึ่งความฝัน
หลายครั้งหลายหนหัวใจไม่ตรงกัน
แต่รู้กันต่างคนมีน้ำใจ
เธอไม่ต้องนวลอย่างดวงจันทร์
และฉันไม่ใช่ดวงตะวันฉาย
เราเพียงเป็นคนคบกันตามสบาย
เมื่อร้างไกลห่วงใยก็แล้วกัน
ไม่สำคัญว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน
ไม่สนใจเมื่อเธอสุขสันต์
ขอรู้เพียงวันที่เธอไม่มีใคร
ยังไม่ประคองถ้าเธอล้ม
ถ้าเธอลุกขึ้นยืนได้เองไหว
ขอรู้ขอเห็นว่าเธอเดินเองได้
จะขอมองดูไกลๆอย่างชื่นชม
ไม่สำคัญว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน
ต่างหนทางของต่างเรานั้น
ถึงแม้ว่าเราจะไกลสักเพียงไหน
...ไม่รักแต่คิดถึง...