Friday, March 23, 2007

ใครๆก็บินได้

เอาละ ไม่ต้องพูดให้มากความ
แวะเข้ามาอัพบล็อคกันหน่อย

อะ

ก่อนอื่นขอบอกตรงนี้ (บอกตัวเองคนเดียว ใครจะมาอ่าน) ว่าเราเองก็สำนึกบุญคุณของบ้านเก่า ที่พักพิงให้ข้าวให้น้ำเรากินมานานเต็มที อย่างน้อยก็ให้โพรไฟล์ที่ดีกับเรา เดินไปที่ไหน บอกว่มาจากเอเชียน่า ถ้าคนในวงการลูกเรือจะมองเราด้วยสายตาแบบ โอ้โห ! เอเชียน่าเลยว่ะ ไฮโซดีจริง ก็ยอมรับว่าชื่อเสียงมันดีจริงๆ ทำงานที่เอเชียน่าไม่สบาย แต่ไม่เรียกได้ว่าลำบากหรอกนะ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่เอเชียน่าดีหมดทุกคน ย้ำ ! ดีหมดทุกคนจริงๆ โดยไม่มีข้อยกเว้น ข้อดีอีกประการที่เห็นชัดๆของเอเชียน่าคือ ไม่เคยเบี้ยวเราเรื่องเงินเลย (เอ้อ....ถ้าไม่นับเรื่องดิวตี้ฟรีที่หนนั้นคิดผิด ทำเอาบ่นกันสนุกไป)ไม่เคยเงินออกไม่ตรงเวลา เรื่องโกงเงินเดือน โกงเปอร์เดียมแล้วหายจ้อยเหมือนสายการบินหลายๆแห่งในเมืองไทยก็ไม่มีเด็ดขาด รำคาญนิดหน่อยตรงระบบการทำงานของเกาหลี ที่อยู่ยังไงก็ไม่คุ้นเคย แต่พอทำงานไปนานๆ ก็ทำใจได้ หักลบแล้ว เอเชียน่าก็ยังเป็นบ้านเก่าที่เรารักและผูกพัน

แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับการสมัครงานใหม่อะนะ
ใช่ต้องสมัครงานใหม่ เพราะชีวิตคนเราต้องเดินไปข้างหน้า

สายการบินประเภทแขก ไปไกลๆเลย ไม่คิดจะไปอยู่เด็ดขาด สาบานกับตัวเอง ต่อให้ได้เอมิเรตส์ ก็ไม่มีทางไปเหยียบเมืองแขกแน่ๆ เว้นแต่จะมีไฟลท์บินไปขำๆ ให้ไปอยู่เลยไม่ไปชัวร์ เราติดหมา และติดเมืองไทยมากกว่าอะไรทั้งหมด อยู่บ้านแบบไม่มีกำหนดจะไปไหนแบบนี้มันก็ดีไปอย่างตรงที่เราได้ซึมซับกับเมืองไทย เพิ่งรู้ตัวนะ ว่ารักอากาศร้อนๆ รถติดๆ รักพื้นถนนสกปรกๆแบบที่กรุงเทพฯ ไม่ว่าจะไปไหน มาจากไหน ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ กรุงเทพฯ ก็ยังเป็นเมืองที่ให้ความอบอุ่นทางใจแก่เราได้เสมอ

โดยเฉพาะเวลาที่เรามีคนที่เรารัก และรักเราอยู่ข้างๆเนี่ยแหละ

ที่จริง ตอนที่นั่งอัพบล็อกอยู่นี่ ก็ได้งานใหม่แล้ว ใครจะคิด ออกจากงานที่เก่ามาได้อาทิตย์เดียว (ฉันว่างงานโดยพฤตินัยอยู่อาทิตย์เดียวจริงๆ) วันนี้ ไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ ได้งานใหม่อีกแล้ว

ได้เจอเพื่อนใหม่หลายคนจากการสมัครงาน ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกเรือจากสายการบินอื่นๆกันมาทั้งนั้น เราไม่ชอบความรู้สึกที่ไปนั่งๆคุยกัน แล้วคอยถามคนโน้นคนนี้ว่าบินที่ไหนมา ชั้นบินที่xxxx อยู่นะ แล้วเธอล่ะ อ๋อ อยู่ที่ yyyy เหรอ ดีไหม จ่ายเป็นไง อวดกันไปอวดกันมา นั่งอยู่แล้วก็สงสารน้องๆที่เขาจบใหม่แล้วเข้ามาสมัครงาน โดนจิกโดยไม่รู้ตัว บางทีก็เป็นความรู้สึกที่....แข่งๆชิงดีชิงเด่นกันอยู่ในที ว่ากูแน่นะโว้ย เรานั่งของเราเงียบๆ ยังโดนถามจนได้ ว่าเธอบินที่ไหนมารึเปล่า หรือว่าไม่ได้เป็นเอ็กซ์ครูว (โหย.....สำคัญตนผิดไปเหอะ การเป็นลูกเรือมาก่อน ไม่ได้แปลว่าคุณจะดีเด่นเลิศกว่าชาวบ้านนะคะ) เราก็ก้มหน้าก้มตาตอบเขาไปว่าบินเอเชียน่ามา 3 ปี เท่านั้นแหละ วงแตก (ทำไมยะ บินเอเชียน่ามา 3 ปี มันน่าสนใจตรงไหนมิทราบ) แล้วก็จะมีบางคนเข้ามากระดี๊กระด๊า อยากเป็นเพื่อนขึ้นมาทันที เฮ้อ ! คนดีๆมันก็มีหรอกนะ แต่คนเสื่อมๆก้อ...มีบ้าง

คิดแล้วก็ให้ปลงอนิจจัง ธุรกิจการบิน เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูงทรักษาภาพลักษณ์กันยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด บางทีมันก็ทำให้คนอาชีพนี้ลืมตัวไปได้เหมือนกัน ทำให้คิดไปได้ว่ากูแน่ กูเจ๋ง
หารู้ไม่วาคิดแบบนี้เมื่อไหร่มันจะกลับมาเป็นภัยทำร้ายตัวเองทันที

แต่ก็จะยังลองสมัครงานลูกเรือต่อไป ไม่เอาสายการบินแขก(ฉันเกลียดดดดแขก นะนายจ๋า !!!)ไม่เอาแจลรับไม่ได้กับการจิกกัดโดยรุ่นพี่คนไทยด้วยกันเอง การบินไทยก็สมัครไม่ได้เพราะอายุเกิน (~>_<~)

แล้วหล่อนจะไปทำงานอะไร เลิกคิดสมัครงานลูกเรือเหอะ

ช่วงนี้อารมณ์ซึม งึมงัม ไม่มีเปลี่ยนแปลง พยายามท่องพระคาถาชินบัญชรจนสำเร็จ ท่องๆไป พอใกล้ๆจะจบบทท้ายๆ มั่วไปได้เองทุกที พยายามต่อไป

เข้ามาอัพบล็อคไม่ได้บ่อยเหมือนเคย เพราะไม่ได้บินแล้ว จะเอาเน็ทเร็วๆมาจากไหนได้อีก นอกจากอาศัยมาเล่นที่บ้านหมาย้วยบางครั้งบางคราว ตราบใดที่บ้านยังไม่มีโทรศัพท์

ก็คงอีกนาน กว่าจะกลับมาเป็นไซเบอร์เกิร์ลตามเดิม

===

หลังจากหายหัวไปนาน จนแทบจะลืมๆการเขียน blog ไปแล้ว วันนี้ เข้ามาปัดฝุ่นสักที updateข่าวตัวเองอีกนิดหน่อย อันที่จริงก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จะบอกว่าได้งานใหม่ จะไปเทรนเดือนหน้านี้แล้ว ฟังดูเหมือนฉุกละหุกนะ แต่ที่จริงเขาก็เรียกเราตั้งนานแล้ว เรามันไม่เตรียมตัวเอง มัวแต่เรื่อยๆเฉื่อยๆ


สรุปเหตุการณ์สั้นๆแค่ว่า

วันที่ 23 ก.พ. 50
ไปสมัครงานตำแหน่ง International Coordinator ที่การบินไทย ผู้คนล้นหลามมาก แต่ก็สมัครไปงั้นๆเอง เริ่มรู้สึกว่าควรจริงจังกับการหางานใหม่ซะที สมัครเสร็จ ระหว่างทางนั่งแท็กซี่กลับมา Air Asia ก็โทรมาเรียกให้เข้าไปสอบ Attitude Test สัปดาห์ถัดไป วางหูโทรศัพท์งงๆ เพราะเราน่ะ สอบสัมภาษณ์แอร์เอเชียไปตั้งแต่ปีมะโว้ จำได้ว่า Walk in Interview รอบแรกวันที่ 12 รึ 13 ธ.ค. แล้วก็ไปสัมภาษณ์รอบสองวันที่ 15 ธ.ค. จนกระทั้งอกมาจากเอเชียน่า หลังจากนั้นก็หายไปนานมาก นานจนลืมไปแล้ว นึกว่าไม่ได้ไปแล้วด้วย โอเค ให้สอบใหม่ ไปสอบก็ได้ (วะ)

สัปดาห์ถัดมา
เข้าไปสอบ Attitude Test ข้อสอบมี 276 ข้อ ตอบภายในเวลา 45 นาที อุแม่เจ้า ! แค่อ่านยังงงๆ นี่แหละ ที่เค้าเรียกว่าการทดสอบทัศนคติ เค้าจะให้เราตอบเป็นตัวเอง ไม่หลอกข้อสอบ ไม่โกงข้อสอบ แหงหละ จะคิดมากได้ไง แค่ทำให้ทันก็ยากแล้ว หลังจากนั้นก็กลับมารอใจเต้นระทึกอีกอาทิตย์นึง ด้วยความกลัวว่าจะจิตผิดปรกติ สอบไม่ผ่าน

ทีนี้เลยตัดสินใจ เอาไงเอากัน ไม่ไปสอบข้อเขียนของการบินไทยแล้ว เพราะคิดดูแล้ว ระหว่างสองตำแหน่งงาน (แอร์ของ FD หรือพนักงานออฟฟิศของ TG) เป็นแอร์ก็คงได้เงินเยอะกว่า ขอตัดใจจาก TG สายการบินในฝัน เพราะถึงไปสอบ ก็ใช่ว่าเขาจะเอาเรานี่นะ

9 มี.ค. 50
ไปตรวจร่างกายที่เวชศาสตร์การบิน โรงพยาบาลภูมิพล โดนเจาะซะสองเข็ม เพราะเราเป็นคนเส้นเลือดอยู่ลึก ต้องตีแขนอยู่นาน ให้เส้นเลือดขึ้น แถมเจาะเข้าไปแล้วไม่เจอเส้น ต้องควานๆๆๆ น้ำตาจะไหล ผลสุดท้าย เจาะไม่ได้ค่ะ ต้องย้ายมาเจาะแขนอีกข้าง ซึ่งก็.....โดนควานแขนจะหลุดอีกเช่นกัน ทำไมเจาะเลือดหลอดเดียวมันเจ็บมากกว่าบริจาคเลือดเนี่ย เคยไปบริจาคเลือดที่สภากาชาด บริการสุดยอด แถมไม่เจ็บมากอย่างนี้ด้วย กว่าจะตรวจร่างกายเสร็จ คนสวยเลยโดนซะแขนเขียวช้ำทั้งสองข้าง เข็ดหลาบกับหมอทหารจริงๆ

ตกบ่ายมีสอบสัมภาษณ์รอบสองแอร์ของบริษัท Sky Star Airways แต่ตัดสินใจไม่ไปดีกว่า จะได้ไม่เป็นการปิดกั้นโอกาสคนอื่นๆด้วย ยังมีคนอีกเยอะที่อยากกระโดดเข้ามาร่วมงานในอาชีพนี้ พูดก็พูดเถอะ ตัวเราเองไม่ใช่คนสวย คนเก่งอะไร แต่ก็ยัง(ไม่เจียม)ชอบเป็นแอร์กับเขานี่นา

กลับบ้านมาลุ้นระทึกต่อไป จะเตรียมจัดกระเป๋า เตรียมเอกสารอะไรก็ไม่กล้า กลัวเตรียมตัวเก้อ เลยเอ้อระเหยไปเรื่อยๆ ตอนนี้อาการป่วยของพ่อดีขึ้นมากมาย พ่อกลับมาซ่าได้เกือบเท่าเดิมแล้ว น้องปิดเทอมกลับมาอยู่บ้าน(ดี พ่อจะได้ไม่เหงา) บ้านก็กำลังต่อเติมครัวออกไปจนสุดกำแพง ค่าต่อเติมแพงโหด เพราะเล่นใช้วัสดุอย่างดี

ส่วนตัวเองแทบจะตัดขาดออกจากสังคมเดิมๆ เพราะมีธุระปะปังสุมหัวมากมาย หายหัวไปจากเว็บบอร์ดอื่นๆที่เคยเข้าไปเที่ยวเล่น

วันก่อนมีปาร์ตี้สละโสดของหมวย เพื่อนสุดสวยที่เอเชียน่า ตามเพื่อนๆกลับไปเฮฮากันได้ตั้ง 14 คน เพื่อนที่ออกไปแล้วก็ยังกลับมาสนุกกัน ร้องคาราโอเกะที่ร้าน Urban Bar and Karaoke แถวถ.นราธิวาสราชนครินทร์ ร้านไฮโซทีเดียว กลับไปเจอเพื่อนๆถึงได้รู้สึกว่าที่จริงรักและคิดถึงเพื่อนๆที่เอเชียน่าขนาดไหน

21 มี.ค. 50
ได้รับโทรศัพท์จากแอร์เอเชียเรียกเข้าไปเซ็นสัญญาแล้ว เตรียมเอกสารวุ่นวายไปหมด แถมต้องเตรียมตัวไปเทรนที่มาเลเซียด้วย ไปเทรนวันที่ 2 เม.ษ.50 แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะกลับวันไหน

เอาน่า......ขำๆ ชีวิตก็สนุกแบบนี้แหละ มีอะไรให้ลุ้นตลอดเวลา ตอนนี้รู้สึกขอบคุณนะ ที่แอร์เอเชียเค้ามองเห็นความสามารถและให้โอกาสแอร์อ้วนอย่างเราเข้าไปทำงาน เคยได้ยินคนในวงการลูกเรือเค้าว่ากันว่าแอร์ของแอร์เอเชียน่ะ ต้องดูแรง เว่อร์ เซลฟ์มากๆ แต่เท่าที่เห็น เพื่อนๆที่ได้เทรนรุ่นเดียวกัน เขาก็เรียบร้อยน่ารักดีนะ ไม่เห็นมีใครแรงสักคน


ใครๆก็บินได้

จริงๆนะ

=======

ขอปิดท้ายด้วยการแปะรูปไฟลท์สุดท้ายที่เอเชียน่าแล้วกัน

เริ่มด้วยรูปแรกเลย หน้าตาของเครื่อง B747 -400COMBI ที่เราใช้บิน เท่าที่เคยบิน รู้สึกว่าเราจะบินด้วยเครื่อง COMBI บ่อยที่สุด ประการแรกเพราะเป็นไฟลท์ที่ใช้บินกลับบ้าน (โดยมาก)และเป็นเครื่องที่ใช้บินไปไฟลท์ระหว่างทวีปด้วย เค้าว่ากันว่าเครื่อง COMBIนี่แหละที่ปั๊มเงินให้กับบริษัทมากที่สุด เพราะใช้บรรทุกคาร์โก้ก็ได้ ใช้ใส่ผู้โดยสารก็ดี เหมาะสำหรับไฟลท์ที่มีผู้โดยสารไม่มากนักราวๆ250คน ก็พอไหว แถมใส่คาร์โก้ได้อีก คุ้มกว่าใช้บินเครื่อง PAX แต่คนไม่เต็ม รู้สึกดีที่ไฟลท์สุดท้ายเราใช้เครื่อง COMBI มาบิน
Photobucket - Video and Image Hosting

รูปที่สอง มองจากประตู R4ของเครื่อง COMBI เรานั่ง jumpseat ตรงนี้บ่อยเหมือนกันเพราะมักเป็นที่ที่เค้าให้ oversea crewนั่ง ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
Photobucket - Video and Image Hosting


รูปที่สาม ประตูด้าน L ของเครื่อง COMBI ค่ะ จะเห็นได้ว่าเครื่อง B747 เป็นเครื่องที่ทำงานง่ายมาก ไม่สับสนเลยไม่ว่าจะเป็น slide mode หรือ slide pack ตัววัดความดันก็เห็นได้ชัดเจนมาก สรุป ถ้าบินเครื่อง B747 ไม่เป็นเนี่ย ก็ไม่ต้องไปบินเครื่องที่อลังการกว่านี้แล้วค่ะ เครื่องนี้เล่นง่ายสุดแล้ว
Photobucket - Video and Image Hosting

ไฟลท์สุดท้ายบินกับโก๊ทค่ะ คนตรงกลางเป็นแมเนเจอร์นิมรุ่น 20 สร้างความประทับใจให้เขามากมายเพราะเขาชื่นชมในความ attitude ของเรา แต่มันดันเป็นไฟลท์สุดท้ายในการทำงาน

เห็นรูปแล้วกลุ้มจิต ทำไมวันนั้นฉันเขียนคิ้วได้งิ้วมากๆเลย
Photobucket - Video and Image Hosting

รูปต่อไป ถ่ายกับพี่เก๋ค่ะ พี่ seniorที่สุดของ Asiana พี่เค้าอยู่เกาหลีมานานมากๆ 11ปีแล้วค่ะ ชื่นชมในความอดทนของพี่เค้าเลย ถ้าใครเคยทำงานกับคนเกาหลีจะรู้ว่าคนเกาหลีน่ะ ทำงานโหดขนาดไหน

แอบชื่นชมแมเนเจอร์นิมด้วยว่าเค้าอายุเยอะแล้ว ทำไมยังดูสาวและสวยอยู่เลย ไม่เหมือนฉัน หน้าแก่กว่าเค้าอีก เฮ่อ !
Photobucket - Video and Image Hosting

โก๊ทอีกรูปค่ะ เข้าไปแรกๆไม่ค่อยสนิทกับโก๊ทเท่าไหร่ เพราะเรามันเป็นคนคุ้นกับคนอื่นยาก แต่พออยู่ไปนานๆ เพื่อนร่วมรุ่นเหลือไม่กี่คน เลยสนิทกันหมด
Photobucket - Video and Image Hosting

นี่รูปวันสุดท้ายที่เข้าไปคุยกับมิสชินก่อนกลับบ้าน จำได้ว่าร้องไห้ตาบวมเลย
Photobucket - Video and Image Hosting

สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการที่ได้ทำงานที่เอเชียน่าคือได้ประสบการอันมีค่า หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เราได้เพื่อนที่ดีทุกคน
รักทุกคนนะจ๊ะ

เพลงสำหรับ blog หน้านี้ ไม่รักแต่คิดถึงค่ะ







ชีวิตบางช่วงที่เกี่ยวกัน
เราได้แลกเปลี่ยนซึ่งความฝัน
หลายครั้งหลายหนหัวใจไม่ตรงกัน
แต่รู้กันต่างคนมีน้ำใจ
เธอไม่ต้องนวลอย่างดวงจันทร์
และฉันไม่ใช่ดวงตะวันฉาย
เราเพียงเป็นคนคบกันตามสบาย
เมื่อร้างไกลห่วงใยก็แล้วกัน
ไม่สำคัญว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน
ไม่สนใจเมื่อเธอสุขสันต์
ขอรู้เพียงวันที่เธอไม่มีใคร
ยังไม่ประคองถ้าเธอล้ม
ถ้าเธอลุกขึ้นยืนได้เองไหว
ขอรู้ขอเห็นว่าเธอเดินเองได้
จะขอมองดูไกลๆอย่างชื่นชม
ไม่สำคัญว่าเธอมีใคร ไม่ใช่กงการอะไรของฉัน
ต่างหนทางของต่างเรานั้น
ถึงแม้ว่าเราจะไกลสักเพียงไหน
...ไม่รักแต่คิดถึง...