Wednesday, January 26, 2011

ดู..หมอดู (ภาคต่อจากตอนโน้น)

ไม่ได้อัพเดทบล็อกเสียนาน เผลอแป๊บเดียวก็จะหมดเดือนแรกของปีไปซะแล้ว

วันนี้ที่เข้ามาปัดฝุ่นบล็อก ไม่ได้ตั้งใจจะมาเขียนเรื่อง Super Show 3 ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพแต่อย่างใด เพราะคิดว่าคงมีแฟนคลับSJ ไปงานนี้แล้วก็มีอะไรต่ออะไรมาอัพเดทเยอะไปหมด

อันตัวเราเอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าไปคอนเสิร์ตกับเขาเหมือนกัน แต่จะว่าไปดูคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบก็คงไม่ใช่ เพราะหักดหมจากการสอบมาหลายวันเต็มที สอบเสร็จก็ต้องรีบจับเครื่องบินเที่ยวแรกกลับไทย มาถึงก็ทำธุระมากมาย พอไปถึงคอนเสิร์ตเลยเหนื่อยจนไม่อยากดูสักเท่าไหร่ พอจบเพลง All My heart เลยเดินออกมาซะดื้อๆ เดินเข้าไปอีกทีก็เนียนๆไปยืนกับการืดแถวๆโซน KK ก็แถวที่สื่อเขายืนสูบข่าวกันอยู่ เลยไม่ได้คิดจะไปถ่ายรูปหรือทำอะไร ไปให้ได้ชื่อว่าไปก็พอแล้ว

กลับไปคราวนี้ เหตุผลหลักที่จำเป็นต้องกลับไทยคือต้องกลับไปทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ นอกนั้นก็ไปเยี่ยมญาติพี่น้อง พบปะเพื่อนฝูงแล้วก็ทำธุระต่างๆนานา จากการไปเจอเพื่อนทั้งหลาย ก็ได้ของสิ่งนี้มา

Photobucket

ดูเหมือนไพ่ธรรมดาที่เขาใช้เล่นกัน แต่ไพ่ใบนี้เขามีชื่อเรียกแสนจะเก๋ไก๋ว่า Romagnole อ่านว่า โร-มาญ-ญอลล์ ได้มาจากเมืองไกลถึงอิตาลีนั่นเชียว เพื่อนสาวที่มีแฟนเป็นหนุ่มอิตาลีเขาซื้อมาฝาก ตอนแรกเราก็มองกล่องไพ่งงๆ พอเปิดไพ่ออกมา ก้เจอไพ่ที่หน้าตาคุ้นเคย แต่ยังไม่วายงงว่าทำไมสำรับเขาเล็กนัก ไม่ทันเอ่ยถามเพื่อนสาวก็อธิบายว่าไพ่ Romagnole นี้เป็นบรรพบุรุษของไพ่ยิปซีที่ยุคต่อๆมาชาวยิปซีเขาเอามาดัดแปลงและใช้ดูดวงกัน ได้ยินดังนั้นแล้วก็หยิบมาลูบคลำด้วยความดีใจ ส่วนจะเอาไพ่สำรับนี้ใช้ดูดวงได้เหมิอนไพ่ยิบซีสำรับใหญ่หรือไม่นั้น คงต้องใช้เวลาทำความรู้จักกับเขาก่อน อันตัวเราเองก็แค่สนใจในศาสตร์นี้ ไม่ได้เก่งกาจขนาดดูใครต่อใครได้มากมาย หรือว่าประยุกต์อะไรได้

ขนาดอยากดูดวงตัวเองยังต้องขอให้คนอื่นๆช่วยดูให้เลย
อย่างเช่นที่มาอัพเดทบล็อกวันนี้นี่ไง

จั่วหัวไว้แต่แรกแล้วว่าบล็อกวันนี้ขอพูดถึงเรื่องการดู..หมอดู แต่คราวนี้พิเศษหน่อย เพราะจะพูดถึงหมอดูที่คุ้นเคยจริงๆเท่านั้น อย่างที่บอกไปว่ากลับไปเมืองไทยคราวนี้มีธุระล้านแปดให้ไปจัดการสะสางดังนั้นจึงไม่ได้มีเวลามากมายนัก แต่ที่กลับไปหาพี่คนนี้เพราะเป็นพี่ที่รู้จัก สนิท คุ้นเคย และสำหรับเรา พี่เค้าเป็นมากกว่าหมอดู

บอกชื่อไป หลายๆคนคงจะร้องอ๋อ เพราะพี่เขาดัง เราเรียกพี่เขาด้วยชื่อเล่นๆว่าพี่เบิร์ต ในขณะที่บางคนอาจจะเรียกเขาว่าหมอเบิร์ต พี่เบิร์ตไม่ใช่ร่างทรงไม่ได้เน้นพิธีกรรมอะไรอย่างที่เรามักเห็นหมอดูส่วนใหญ่เขาทำกัน แต่พี่เบิร์ตเขาดูดวงในแนวที่เราชอบ และอยากจะทำได้แบบนี้บ้าง คือการดูดวงแบบรู้จัก inner ตัวเองแล้วเขาก็จะแนะนำวิธีต่างๆให้เราไปแก้เคล็ดซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรเช่นให้ไปทำบุญ บริจาคเลือด นั่งสมาธิ สวดมนต์อะไรทำนองนั้น สำหรับเราแล้วพี่เบิร์ตเป็นเหมือนพี่ที่เราคุ้นเคย มีอะไรก็อยากกลับไปอัพเดท เล่าโน่นนี่ให้ฟัง เท่าที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้แนะนำพี่เบิร์ตให้ใครรู้จักสักเท่าไหร่ เพราะอยู่ๆไม่ได้มีใครเขาเดินมาถามกันนี่นะว่าควรจะไปดุดวงที่ไหน (มันไม่ใช่บทสนทนาที่คนปรกติเขาจะคุยกัน) แต่ถ้ามีใครถามเราว่ารู้จักหมอดูคนไหนที่เราถูกใจที่สุด เรามักจะบอกชื่อพี่เบิร์ตเป็นคนแรกเสมอ

อืม..ที่จริงก็อยากเล่าเรื่องที่พี่เค้าดูแล้วเรารู้สึกว่าแม่นจริงๆ เอาเป็นว่าระดับความแม่น เราให้ที่ 90% เลย (ไม่กล้าให้เต็ม เพราะเวลาเราดูหมอที่ไหน เราไม่เคยให้คะแนนเต็มอยู่แล้ว มันก็ต้องมีส่วนที่ไม่ตรงบ้างแหละ) ถึงจะไม่ใช่ 100%เป๊ะๆ แต่ก็นับว่ามากที่สุดเท่าที่เราดูหมอมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องในครอบครัว และที่สำคัญเรื่องความรัก ขอบอกว่าโดนมาก ที่พอจะเปิดเผยได้ตรงนี้ก็เช่น เรื่องที่เราได้ทุนไปเรียนต่อ เรื่องรถ เรื่องคนที่เราแอบชอบเขาอยู่ (คนนี้พี่เบิร์ตทักตั้งแต่ยังไม่ได้คิดเลยว่าเค้าจะเข้ามาในชีวิตเรา) เรื่องของผู้ชายต่างชาติคนนั้นที่เราแอบติดต่อกับเขา เรื่องของแฟนเก่าที่ในที่สุดก็มีเหตุให้ต้องตัดขาดกันไปจริงๆ ฯลฯ ส่วนเรื่องของเพื่อนสนิทเราที่พี่เบิร์ตทักแล้วตรงก็เช่นเรื่องของแฟนว่าจะได้เจอแล้วก็คบกันในช่วงเวลาหนึ่งๆ พี่เขาทักตรงมาก เรื่องครอบครัวเพื่อน และเรื่องเรียน สรุปตรงเกือบหมด แถมบางทีเราไม่รู้จะถามยังไงดี พี่เค้าจะช่วยตั้งคำถามให้เสร็จสรรพซะด้วย เล่าตรงนี้มากไปจะกลายเป็นว่าโฆษณาเอาเป็นว่าถ้าอยากรู้ต้องลอง บ้านพี่เขาไกลหน่อยอยู่แถบสายไหม ก็ชานเมืองกรุงเทพสุดๆละนะ ไม่มีรถก็อาจจะไปลำบากหน่อย แต่พอดีไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ อยากรู้ว่าอยู่ที่ไหนลองเสิร์ชชื่อหมอเบิร์ตหรือ bert tarot ดูก็จะเจอบล็อกของพี่เค้า ก็โทรนัดวันเวลาตามแต่สะดวกก็แล้วกัน

ส่วนเรื่องที่พี่เค้าทายให้เราสำหรับปีนี้ (2554) จะเป็นยังไงก็คงต้องรอดูกันไป ที่สรุปคร่าวๆคือเรื่องเรียน และเรื่องทุนมันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ทำให้เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น เรื่องงานที่อาจจะมีโปรเจ็คอะไรใหม่ๆเข้ามา เรื่องเงินที่คงจะไม่ลำบากอะไรมากนัก แล้วก็เรื่องความรักที่ยังคาราคาซัง (ที่จริงพี่เขาพุดละเอียดนะ ทุกเรื่องเลย แต่ขอไม่เอามาลงบล็อกตรงนี้แล้วกัน มันที่สาธารณะเกินไป) อนาคตจะเป็นยังไง เดี๋ยวไว้ค่อยมาดูกันก็แล้วกัน

สำหรับคนที่รู้สึกว่าไปทางสายไหมลำบาก เราก็พอจะรู้จักหมอดูอีกที่ซึ่งไปไม่ยากเท่าไหร่ พี่คนนี้ชื่อพี่ดาเขาดูดวงอยู่แถวๆตลาดนัดเมืองทอง ระดับความแม่น ถ้าพี่เบิร์ตอยู่ที่ 90% เราก็ให้พี่ดาที่ 60% แล้วกันนะ (ก็นับว่าเยอะอยู่ดี เพราะปรกติดูหมอที่ไหนไม่ค่อยให้เกิน 40 % หรอก เจอประเภททายหว่านไปเรื่อยๆมาเยอะ) พี่ดาเขาจะทายกว้างๆ แต่มันก็มีส่วนตรงในระดับนึง มีคำถามอะไรเขาก็ตอบได้ค่อนข้างเคลียร์แต่จะไม่ตอบเจาะจงละเอียดเท่าพี่เบิร์ต เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้ลองเสิร์ชชื่อพี่เขาดูก็แล้วกัน พี่ดาเขาดูค่อนข้างเร็วหน่อย คิวนึงประมาณ 20-30 นาที ถ้าไปที่ร้านก็ขอสมุดคิวเขามาเลือกเวลาที่สะดวกได้เลย

วันนี้ขอพูดถึงหมอดูแค่สองคนก็แล้วกัน เพราะสองคนนี้คือคนที่เราว่าเค้าโอเคสุดแล้ว อย่างน้อยก้เป็นคนที่รู้สึกว่าถ้าอยากดูดวง เราจะไปหาเค้า

กลับมาจากเมืองไทยคราวนี้มีเรื่องเพลียหัวใจอยู่หลายเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน และเรื่องความรัก เอาเป็นว่าถ้ามีเวลาและอารมณ์ดีเมื่อไหร่ จะกลับมาแปลเพลงที่บล็อกนี้เหมือนเดิม

เฮ้อ !! คิดถึงคุณคนนั้นจัง
(ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่พูดมาทั้งหมดเลย แค่อยากบ่นเท่านั้นเอง)

Sunday, January 02, 2011

..Happy New Year..




..Happy New Year..

Believe in yourself 'cause we believe in YOU !!!