Tuesday, February 26, 2008

HBD to My Princess

Photobucket


เหมือนสายใยบางๆ
ผูกปลายข้างหนึ่งไว้ที่ฉัน
และปลายข้างหนึ่งที่เธอ
ให้ฉันและเธอ รับรู้ถึงความผูกพัน


Photobucket

ให้รู้ทุกเวลา
ว่าเธอนั้นยังมีฉัน
และเธอนั้นมีความหมาย
เมื่อเธอร้องไห้ มีคนเสียใจกว่าเธอ

Photobucket

จะยังมีฉันที่คอยดูแลไม่ห่าง
เจ้าหญิงของฉัน ฉันยินดีทำทุกอย่าง
ไม่ว่าวันใด ที่เธออ้างว้าง
ยังมีที่ว่างที่เดิมของเธอ

Photobucket

กับคนคนนี้ ทุกนาทีเป็นของเธอ
เจ้าเหญิงของฉัน ฉันยินดีทำเพื่อเธอ
ก่อนหลับตานอน ให้เธอรู้เสมอ
มีคนต้องการให้เธอ ฝันดี

Photobucket

ฉันหวังไว้ทุกวัน
ให้วันของเธอสดใส
ให้เธอได้เป็นดังหวัง
เรื่องราวทุกอย่าง
ยังมี สายใย ระหว่างเรา

Photobucket

จะยังมีฉันที่คอยดูแลไม่ห่าง
เจ้าหญิงของฉัน ฉันยินดีทำทุกอย่าง
ไม่ว่าวันใด ที่เธออ้างว้าง
ยังมีที่ว่างที่เดิมของเธอ

Photobucket

กับคนคนนี้ ทุกนาทีเป็นของเธอ
เจ้าหญิงของฉัน ฉันยินดีทำเพื่อเธอ
ก่อนหลับตานอน ให้เธอรู้เสมอ
มีคนต้องการให้เธอ ฝันดี

Photobucket

ก่อนหลับตานอน ให้เธอรู้เสมอ
มีคนต้องการให้เธอ ฝันดี


Photobucket

มีคนต้องการให้เธอ ฝันดี





Tuesday, February 19, 2008

HBD นะจ๊ะ หมาย้วย

ขอโทษจริงๆ
กว่าจะนึกขึ้นมาได้ มันก็เลยเที่ยงคืนซะแล้ว






ไม่ได้ตั้งใจว่าจะลืม




งาน งาน และงาน
มันเอาเวลาเราไปหมดเลย
T-T




ไม่รู้นะ ว่าเดี๋ยวนี้ หมาจะจัดความสำคัญของเค้าไว้ตรงไหน

แต่สำหรับเค้า
หมาย้วยยังเป็นคนสำคัญเสมอ


สำคัญที่สุดรึเปล่า
ไม่รู้เหมือนกัน



ขอให้มีความสุขมากๆในวันสำคัญ
ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้เจอกันก็ตาม



คิดถึงนะ

Friday, February 15, 2008

เรื่องราวของดอกไม้

จั่วหัวข้อเอาไว้อย่างนี้ แต่เอาเข้าจริงๆก็ไม่รู้จะเริ่มเขียนอะไร ตรงไหน

มันคงเริ่มมาจากความคิดของเราเองว่า นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้ให้ดอกไม้กับหมาย้วยเลย

ก่อนหน้านี้ เท่าที่จำได้ ความรู้สึกที่ชอบส่งดอกไม้ให้ใครสักคนแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกดีๆ ที่เราได้ส่งความสุขให้คนรอบตัว แค่คนรับเค้ารู้สึกยินดี ที่มีใครสักคนนึกถึง อาจจะไม่ใช่ในความหมายพิเศษอะไร แต่แค่มีใครสักคนนึกถึงเราในวันที่วุ่นวาย มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีแล้วไม่ใช่เหรอ

มองดอกไม้สดใส กระดาษสีสวย แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

วาเลนไทน์ปีนี้เลยมีโอกาสได้รื้อฟื้นความรู้สึกแบบนี้อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ส่งความสุขให้ใครต่อใครเสียนาน เนื่องจากเราต้องไปอยู่ไกลบ้าน ไกลเมือง จะส่งดอกไม้ให้ใครก็แสนยาก จากดอกไม้ เลยกลายเป็นแค่ตุ๊กตาตัวเล็กๆ หรือไม่ก็การ์ดที่เขียนความหมายดีๆแทน

แต่มันก็ไม่ชุ่มชื่นหัวใจเท่ากับการให้ดอกไม้หรอกนะ

คิดได้ดังนั้นก็เลยวางแผนร้ายในใจเงียบๆคนเดียว
เริ่มสะสมนามบัตรร้านต่างๆอีกครั้ง รวมถึงร้านที่เคยใช้บริการด้วย (แต่เค้าลืมเราไปแล้ว T_T)
ก็เลือกร้านถูกใจได้ไม่กี่ร้าน

ซื้อดอกไม้ทั้งทีก็ต้องไปปากคลองตลาด ใช่ม้า

วันก่อนวาเลนไทน์วันนึง หากไม่มีธุระปะปัง ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการไปเดินปากคลองตลาดตามลำพัง เพราะคนเยอะมากแทบจะเหยียบกันตาย
ราคาดอกไม้วันวาเลนไทน์แพงโหด !!!
แต่ก็ยังถูกกว่าไปซื้อที่อื่นอะนะ แถมร้านที่ปากคลองตลาดส่วนใหญ่ ก็จัดดอกไม้ได้อย่างใจเรา ไม่หรูหราจนเว่อร์ แต่ก็ไม่ดูเสี่ยวจนรับไม่ได้

ปีนี้วางแผนจะส่งดอกไม้ให้ใครต่อใครเยอะกว่าที่เคย เพราะมีคนสำคัญในใจหลายคนนี่หว่า
นี่ขนาดเลือกส่งเฉพาะคนที่สำคัญจริงๆ แล้วนะ

สองกระเช้าแรก ดอกกุหลาบสีแดงสดใส จัดใส่ตะกร้า
ส่งให้พี่ก้อยกับพี่จีจี้ พี่สาวที่แสนดีทั้งสองคน
พี่จีจี้ เป็นพี่สาวใจดีที่น่ารัก เค้าทำให้เรากลับมาจำความรู้สึกแบบนี้ได้อีกครั้ง ความรู้สึกที่ว่า แค่ขอให้ได้ให้ ก็มีความสุข ให้โดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน ก่อนหน้านี้เราเคยเป็นคนแบบนี้จริงๆ แต่พอวันเวลาผ่านไป มีอะไรๆผ่านเข้ามาในชีวิตมากขึ้น อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มันทำให้ความละเอียดอ่อนในใจเราลดลง มันทำให้ความรู้สึกเรากระด้างขึ้น ข้อดีคือมันทำให้เราเสียใจน้อยลงในเรื่องจากการกระทำของคนรอบข้างแต่ข้อเสียคือ มันก็ทำให้เราใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับคนรอบข้างน้อยลง
พี่จี้สามารถดึงความรู้สึกตรงนี้ของเรากลับมาได้ เพราะพี่จี้เป็นคนละเอียดอ่อนแบบนี้แหละ
รักพี่จี้จัง

ส่วนพี่ก้อย พี่สาวแสนดีที่เคยทำให้เราเสียใจมากมาย ถ้าเปรียบพี่จี้เป็นหยิน พี่ก้อยก็คงเป็นหยางโดยแท้ สองคนนี้เป็นคู่คนละขั้วโดยสมบูรณ์ แต่พอเค้าจับคู่กันแล้วจะลงตัวมาก ที่ผ่านมา เราเข้าใจแล้วว่า เพราะพี่ก้อยเค้าเป็นคนแบบนี้เอง ทะเลาะกับคอมจนเคยชิน เลยละเลยความรู้สึกที่เกี่ยวกับคนไปบ้าง ทุกวันนี้ สารภาพว่าให้ใจพี่ก้อยน้อยลง เรารักพี่ก้อยนะ แต่ไม่ใช่พี่ก้อยที่เราเจออยู่ทุกวันนี้ เรารักพี่ก้อยที่เคยน่ารักคนนั้นต่างหาก เรายังคิดถึงพี่ก้อยที่น่ารักคนเดิมอยู่ และจะพยายามกลับไปมองพี่ก้อยเหมือนเดิมให้ได้อีกครั้ง
อาจจะต้องใช้เวลา แต่จะพยายามค่ะ

กระเช้าที่สาม หน้าตาแบบนี้เลย แต่ใส่ดอกยิปโซมากขึ้นหน่อย

Photobucket

ส่งไปให้หมาย้วยที่ทำงานเป็นดอกกุหลาบสีขาวจัดใส่ตะกร้า
คนนี้ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ เพราะไม่ว่าจะยังไง หมาย้วยก็ยังเป็นคนพิเศษสำหรับเราเสมอ


ที่ส่งไปเป็นตะกร้า เพราะสามคนนี้เค้าทำงานออฟฟิศ
ตะกร้าน้อยจะได้ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานเค้าได้


รายที่สี่และห้าไม่ใช่กระเช้า แต่เป็นช่อบูเก้ท์ขนาดเล็กๆ น่ารักสำหรับน้องสาวทั้งสองคน
บีวิชและน้องเพื่อน

ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก
ให้เพราะรัก และอยากให้น้องมีความสุข เท่านั้นเอง

ส่วนพันช์มณี ที่อยากส่งดอกไม้ให้เรานะ แต่ไม่รู้จะส่งไปที่ไหน ไม่รู้เราจะอยู่ที่คอนโด ไปตามศิลปินคนไหน หรือจะไปเรียนที่วังสนามจันทร์
เอาเป็นว่าวันหลังละกันเน้อ

ยัง ยังไม่หมด
ช่อที่หก...ช่อบูเก้ท์ขนาดกลาง สำหรับเด็กยักษ์
คนนี้ส่งให้ตั้งแต่วันที่ 13 ส่วนหนึ่งเพราะเป็นความตั้งใจว่าจะไม่ให้เค้าในวันวาเลนไทน์
เดี๋ยวจะคิดมากกันไปเปล่าๆ




ดอกไม้ทั้งหมดที่ส่งไปวันนี้จัดเป็นดอกกุหลาบสีแดงสดใส
รักษาคอนเส็ปชาวถ้ำเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก
กุหลาบแดง แสดงว่าเรารักเธอนะจ๊ะ จุ๊บๆ

ส่วนกุหลาบที่ให้คนพิเศษทั้งสามคน
น้องเพื่อน หมาย้วย และเด็กยักษ์ตัวแสบ
เป็นกุหลาบสีขาว
ทำไมถึงเป็นสีขาว

เพราะกุหลาบสีขาวหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์
รักที่จริงจัง จริงใจ
รักที่มีแต่ให้
รักที่ไม่เคยหวังว่าจะได้อะไรตอบแทน


รักเพราะรัก
ก็เท่านั้นเอง


ปล. วันนี้บีมาขอให้แต่งกลอนให้เล้ง
ฮือๆๆ สั่งมาบนรถแท็กซี่ ใครจะคิดทัน
เลยเอาของเดิมที่เคยส่งไปตอนเช้า มาเพิ่มอีกนิด ตบๆซะหน่อย ส่งต่อได้แร้วววว

It's time to smile,it's Valentine's Day.
Time to send thought in every way.
Spread your love and share it to everyone,
That's why your Birthday happy and fun !

Happy Birthday !

เขียนกั๊กเอาไว้ จะได้ส่งต่อให้ใครไม่ได้
เดี๋ยวนี้เริ่มหวงแระ
กลัวโดนเอาไป fwd ต่อให้ใครต่อใคร

ข้อความนี้จะส่งให้ใคร ต้องเกิดวันวาเลนไทน์เท่านั้น
โฮะๆๆๆ





เก็บตกเรื่องราวน่ารักจากร้านดอกไม้
ตอนที่รอให้เค้าจัดดอกไม้อยู่ มีชายหนุ่มหน้าตาน่ารักคนนึงเดินมาดูที่ช่อบูเก้ท์ของเรา
โหย.....หล่อมากกกก น่ารักโคตรรร ตี๋ใส่แว่น โดนนนนน !!!!

" เอาช่อนี้ครับ"

เค้าไม่ได้พูดกับเราหรอก เค้าพูดกับคนขายดอกไม้ -_-'
ไวเท่าความคิด เราสวนไป "ไม่ให้ !"
กว่าจะได้ช่อนี้มา เราเลือกดอกไม้อยู่นาน อยากให้มันน่ารักที่สุด อย่างที่เราคิดไว้
แม้จะทำใจไว้แล้วว่ามันอยู่ไม่นานก็ตาม
ท่าทางเค้าตกใจหน่อยๆ คนขายเลยหัวเราะ บอกว่า อ๋อ ช่อนี้น้องเค้าเลือกเอาไว้
หนุ่มตี๋คนนั้นเลยบอกว่า "งั้นผมเอาแบบนี้ช่อนึง"
คนบ้า ไม่ครีเอทเองเรย คิดเองมั่งเด่ะ
เราเลยพูดขึ้นลอยๆว่า "เลียนแบบ"
เค้าหัวเราะอ้ะ แล้วบอกว่าเลียนแบบเพราะเห็นมันสวย
เห็นเราตั้งใจจัด เลยคิดว่าผู้หญิงน่าจะชอบดอกไม้แบบนี้
เรายิ้มออก "คอนเฟิร์มเรย ^_^"
เค้าแซวเรา จัดให้แฟนเหรอ
เปล่า จัดให้คนรู้จัก
เค้าเลยบอกว่า เค้าก็จัดให้คนรู้จักเหมือนกัน
ขอเบอร์เราซะงั้น -_-'

เวรแระ !!!

มาซื้อดอกไม้ให้สาว ดั๊นมาขอเบอร์สาวอีกคน
แถมสาวที่มาขอเบอร์ ก็เห็นๆอยู่ว่าเค้ามาซื้อดอกไม้ให้ผู้ชายอีกคนเนี่ยนะ
ท่าทางแบบนี้ไม่น่าไว้ใจ
เลยบอกไปว่า อย่าเอาเลย เราไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า
เมื่อกี้ที่พูดไป เพราะเราหวงดอกกุหลาบขาวของเรา
เลือกไว้ให้คนพิเศษ ไม่ให้ใคร


แต่เรื่องเมื่อกี้ คิดถึงทีไร ก็อมยิ้มได้ทุกทีนะ

^_^

Tuesday, February 12, 2008

ช่วงที่ดีที่สุด

ไม่สามารถโพสท์เรื่องราวนี้ในวันวาเลนไทน์
ไม่เลยใช่ไหม


เวลาเปลี่ยน
ใจคนอาจจะเปลี่ยน

แต่ความคิดถึง....ไม่เคยเปลี่ยน

คิดถึงนะ






เดินจับมือกัน ทุกข์สุขด้วยกัน
หัวเราะร้องไห้ด้วยกันมานานเท่าไหร่ ฉันไม่เคยลืมจากใจ
วันที่เรายิ้ม วันที่ทะเลาะ
ภาพวันและคืนเหล่านั้น จะยังงดงามไม่เคยเปลี่ยนไป

ยังคงเป็นดั่งเหมือนกับเมื่อวาน
อยู่ในส่วนลึกความทรงจำ
แต่ต่างกันแค่เพียง ในตอนนี้

ฉันนั้นไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนวันที่เราเคยเดินข้ามผ่าน
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
ที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ

เพลงและของขวัญ ตัวจากตรงนั้น
จดหมายที่ส่งให้กันในวันที่ห่าง ฉันนั้นยังคงเก็บไว้
วันที่เหนื่อยล้า ถ้อยคำที่ปลอบใจ
ภาพวันและคืนเหล่านั้น จะยังงดงามไม่เคยเปลี่ยนไป

ยังคงเป็นดั่งเหมือนกับเมื่อวาน
อยู่ในส่วนลึกความทรงจำ
แต่ต่างกันแค่เพียง ในตอนนี้

ฉันนั้นไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนวันที่เราเคยเดินข้ามผ่าน
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
แต่ก็เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ

ไม่รู้ว่าเธอ ไม่รู้ว่าจะได้ยินเพลงนี้รึยัง
อยากจะให้เธอช่วยมารับฟังว่าฉันนั้น คิดถึง...

ฉันนั้นไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนวันที่เราเคยเดินข้ามผ่าน
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
ที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ

ฉันนั้นไม่ได้มีเธออยู่ข้างๆ เหมือนวันที่เราเคยเดินข้ามผ่าน
ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างผ่านมาด้วยกัน
นับเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ
แต่ก็เคยเกิดขึ้นกับฉัน...เพราะเธอ
















Friday, February 08, 2008

นางฟ้าป๊วย...ป่วย

เพิ่งกลับถึงบ้านเมื่อกี้เองค่ะ

เมื่อเช้าเดินลากกระเป๋าออกจากบ้าน เหมือนจะไปบินตามปรกติ
วันนี้บินไฟลท์ NAW~HKT โดนเรียกแสตนด์บายตั้งแต่เมื่อวาน ก็ทำใจไว้แล้วว่าต้องโดนเรียก เพราะเป็นช่วงวันหยุดตรุษจีน ใครๆก็อยากพักผ่อน ไปเที่ยวกับทางบ้านซะงั้น

ตั้งแต่บรีฟตอนเช้าๆแล้วหละ วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย ปวดหัว คลื่นไส้ แต่ก็ยังกลั้นใจ เอ้า ! ไปบินก็ได้ ไฟลท์ก็ไม่มีอะไรยาก ไฟลท์นราธิวาสเป็นไฟลท์แสนสบายในหมู่ลูกเรือ TAA ก็ทำงานไปตามปรกติ
แต่ก็บอกเดือน เพื่อนที่ไปบินด้วยกันแล้วหละว่า วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายนะ

ก็ทำงานกันไป

ช่วงขาลงนราธิวาส รู้สึกแปลกๆ คลื่นไส้ วิ่งเข้าไปอ้วกในห้องน้ำ นั่งหลับตามึนๆสักพัก อาการยังไม่ดีขึ้น พี่ชัย (Leading Crew)ที่บินด้วยก็ก็บอก น้องนอนพักเหอะ แต่เรายังใจสู้ไง เกรงใจเพื่อน เลยพยายามทำงาน

ขากลับมึน อ้วกแทบตลอดทาง เลยต้องตัดสินใจ step down
แอบเกรงใจเพื่อนที่โดนเรียกมาบินแทนเราเหมือนกัน โชคดีที่เป็นยุรุ่น 18 ซึ่งคนเนี้ย เราสนิทด้วย

ลากสังขารมาถึงรถแท็กซี่ บอกให้เค้าพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เค้าก็เลยพามาที่โรงพยาบาลปิยเวช
มาถึงโดนเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน แล้วก็โดนไปตามระเบียบ 1 เข็ม

อ๊ะๆ เดี่ยวก่อน มันไม่เหมือนครั้งอื่นๆนะ

ที่ว่าโดนเข้าไปหนึ่งเข็มน่ะ เป็นแค่เข็มเดียวที่จิ้มเข้ามาที่มือ แต่ที่เป็นหลอดๆน่ะ ห้าหลอดค่ะ
หมอเค้าเลยต้องมีอยู่เข็มนึงไง เป็นเหมือนปลั๊กเอาไว้เสียบหลอดฉีดยา
ไม่งั้นกว่าจะฉีดกันเสร็จพิธีกรรม คนสวยแขนพรุนหมดพอดี
มาดูดีกว่าว่าโดนอะไรไปมั่ง

Photobucket Photobucket

หลอดแรก
หลังจากใช้เข็มฉีดยาจิ้มเข้ามาที่มือ คุณพยาบาลคนสวยเค้าก็เจาะเลือดเราไปก่อนเลย
เห็นบอกว่าเอาไปเช็คค่าตับไต ค่าเลือดอะไรก็ไม่รู้
เราโดนเจาะเลือดที่มือมาตลอด แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดีนั่นแหละเพราะเส้นเลือดที่มือจะเล็กกว่าเส้นเลือดใหญ่ที่แขน เวลาดูดเลือดขึ้นมา มันก็ช้ากว่า เจ็บกว่าด้วย
แต่ก็ยังดี เพราะเราเป็นคนเส้นเลือดอยู่ลึก เคยมาแว โดนไปสี่เข็มเพราะพยาบาลหาเส้นเลือดไม่เจอ
หลังๆเลยรู้ทันบอกเค้าว่าเจาะที่มือเถอะค่ะ เจ็บหน่อย แต่โดนหนเดียว
วันนี้เราก็โดนเค้าสูบเลือดไปเต็มหลอด ไม่รู้จะเอาไปทำไรนักหนา

หลอดที่สอง
เป็นยาแก้ปวด ลดอาการปวดหัว ฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่หลอดใหญ่เบ้อเริ่ม
ถามชื่อสามัญทางยา เป็นชื่อที่ฟังไม่คุ้นเลย
พอเค้าเอาหลอดเสียบเข้ากับปลั๊กฉีดยาปั๊บ เค้าก็อัดยาเข้าเส้นเลือด
เชื่อไหมว่ามันรู้สึกเย็นวาบเข้ามาในแขนเลย
ก็รู้สึกแปลกๆ แต่ยังไม่มีอะไร

หลอดที่สาม
อันนี้ก็ยาแก้ปวด ไม่รู้ต่างกับยาที่ฉีดไปแล้วยังไง ถามเค้าเค้าว่าแก้ปวด เราก้อ เอ้า ! แก้ปวดก็แก้ปวด ฉีดมาเถอะค่ะ
พออัดยาเข้าแขนปั๊บ ปวดตุ๊บๆทั้งแขนเลย พยาบาลเค้าคงรู้ เค้าก็บอกว่ายาตัวนี้ฉีดแล้วปวดหน่อยนะ ให้ทนหน่อย
เค้าอัดยามาเร็วไม่ได้ ไม่งั้นจะยิ่งปวด เลยต้องใช้เวลากันมันนานกว่ายาหลอดอื่นๆ ระบมไปหมดทั้งแขน

หลอดที่สี่
คราวนี้เป็นยาแก้คลื่นไส้อาเจียน คราวนี้เข็มเล็ก ขนาดไม่กี่ซีซี แต่ขอโทษเหอะ อัดยาเข้ามาที เจ็บมาก
ก็พอทนได้นะ ไม่ได้โวยวายอะไร แต่มันเจ็บค้างยาวเลย
อัดเข้าม ก็รู้สึกวาบเข้ามาทั้งแขนเหมือนกัน

ยัง ! ยังไม่หมด -_-'
หลอดที่ห้าเป็นน้ำเกลือหลอดขนาดปานกลาง คุณพยาบาลบอกว่าใช้ฉีดเพื่อไล่ยาให้มันเข้าไปเร็วๆ
หลอดนี้ไม่เจ็บ ไม่ปวด แต่ความรู้สึกตอนนั้นคือ พอซะทีเหอะ ห้าหลอดเข้าไปแล้ว

นอนให้นำเกลือทางปลั๊กที่เสียบเอาไว้สักพักก็เริ่มมีแรงลุกไหว
ฟังหมอวินิจฉัยอาการ เค้าบอกว่าเราปวดศีรษะจากความเครียด
เราเครียดเรื่องอะไรมากมายนึกเหรอ ช่วงนี้

มีเรื่องอะไรบ้างน้า
เรื่องบัตรคอนเป๊บซี่ที่ไม่พอกับจำนวนคน เรื่องที่โดนพี่ก้อยและพี่ม่วยด่า ทั้งๆที่เราไม่ผิด
เรื่องงาน เพราะจะไปเทรนที่มาเลย์แล้ว ต้องรีบอื่าหนังสือเก็บเอาไว้ คนไม่เก่งอย่างเราต้องอ่านหนังสือเก็บล่วงหน้านานๆ
เรื่องเด็กยักษ์ ไม่รู้ว่าที่โกรธเมื่อคืนน่ะ หายโกรธแล้วจริงๆรึเปล่า
ไม่รู้เค้าโกรธเรื่องอะไรกันแน่ โกรธที่เราไม่บอกความจริงทั้งหมด หรือไม่พอใจที่เราไม่บอกเรื่องนั้น
เฮ้อ !

รับยาแล้วก็ลากสังขารกลับมาบ้านอย่างโทรมๆ


กลับมาบ้านไม่กล้าบอกใครที่บ้าน กลัวเค้าจะเป็นห่วง และที่สำคัญกลัวโดนกักตัวไว้ ไม่ให้ไปงานเป๊บซี่พรุ่งนี้ ขืนเป็นอย่างงั้น โดนด่าตายแน่ๆ

ต้นก็ไม่โทรบอก เพราะรู้ว่าถ้าบอก ต้นต้องลางานครึ่งวันมารับกลับไปแน่ๆ ไม่อยากให้เค้าต้องมาลำบาก หยุดงานเพราะเรา

ส่วนบี ไม่อยากบอกหรอก เพราะถ้าบีรู้ พรุ่งนี้บีก็ต้องบอกให้เราพัก แล้วงานคลับมันทั้งหนักทั้งเหนื่อย
ทุกวันนี้เรากับบีทำกันอยู่สองคนจริงๆ คนอื่นก็แค่ช่วยหน้างาน แค่นั้นแหละ
ถ้าพรุ่งนี้เราหยุดไป อีกคนที่จะโหลดงานเพิ่มขึ้นคือบี
แล้วเราจะนั่งพักเฉยๆดูน้องทำงานหนักได้ยังไง

ส่วนเด็กยักษ์....
ก็คงไม่บอกอยู่ดี (แบบนี้เค้าจะว่าเราโกหกอีกไหมนะ)
ไม่บอกเพราะไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไรในชีวิตของเค้า
สำหรับเค้า เราก็แค่คนไม่สำคัญคนหนึ่ง
เด็กยักษ์คงไม่สนใจหรอก
แล้วถ้าเค้าไม่สนใจอะไรเลย เราต่างหากที่จะเจ็บ

จนถึงเวลานี้ที่นั่งพิมพ์บล็อกอยู่ ที่มือยังมีปลั๊กเข็มฉีดยาเสียบอยู่
หมอบอกว่าถ้ากลางคืนยังไม่หาย ให้ไปหาหมอแล้วเอาหลดยาเสียบเข้าปลั๊กได้เลย จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวอีก
แล้วพรุ่งนี้ชั้นจะไปคอนเป๊บซี่ยังไงไม่ให้คนแตกตื่นเนี่ย
เฮ้อ !!!


ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้า จะไปที่โรงพยาบาลใกล้บ้านแล้วขอให้เค้าถอดเข็มให้ จะได้ไม่ต้องเป็นมนุษย์ปลั๊กแบบนี้

ไม่ได้อยากให้ใครมารับรู้หรอกว่าเราเจ็บป่วย หรือเป็นตายร้ายดียังไง
ไม่อยากได้ความเห็นใจ ไม่ต้องการความสงสาร

ขอแค่คนในคลับให้กำลังใจกัน ไม่ซ้ำเติม ทับถม ไม่ด่าในเรื่องที่เราไม่ได้ทำ

สำหรับคนที่เราแคร์
ก็ขอแค่กำลังใจบ้าง

แค่นี้ก็พอแล้ว จริงๆ

Thursday, February 07, 2008

เกือบเป็นวันที่หมดใจ

ไม่เข้าใจตัวเอง

ทำไมต้องมาอารมณ์เสียซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับเรื่องแบบนี้ด้วยนะ

เคยคิดถอดใจไปแล้วกับการทำคลับ TKC
ก็อย่างที่เคยพูดกับทุกๆคน งานนี้เราทำด้วยใจ วันไหนหมดใจ เราก็ไปเองแหละ

เคยถอยห่างออกมาแล้วช่วงนึง ไม่รู้จะเรียกได้ว่าหมดใจดีไหม
คงใช่แหละ

ตอนนี้ เวลาทำงาน ใครๆก็เรียกหาบีวิช เพราะบีเป็นคนคุยเก่ง คุยสนุก มีอะไรก็บอกบีไว้ก่อน
เราไม่ค่อยคุยกับใคร เวลาทำงานก็เลยได้แต่ทำไปเงียบๆคนเดียว

ทุกวันนี้เล้งกับบีสนิทกันมากมาย เค้าคุยเรื่องงานกันตลอด มีอะไรบีก็ปรึกษาเล้ง ส่วนเล้ง เวลามีอะไรก็ให้ทุกสิ่งอันผ่านบีก่อนเสมอ

บีมันก็เลยมีใจจะใส่ลงไปกับงาน

แต่เราไม่มีอะไรแบบนั้นนี่หว่า
แถมบางที น้อยใจบีด้วย
ฮือๆๆๆ


วันนี้ที่มาเขียนระบายเอากับบล็อกตัวเอง ไม่ได้เกิดอาการนอยด์บีขึ้นมาหรอกนะ ไม่ได้นอยด์เล้งด้วย

แต่นอยด์คนอื่น T_T

ทำไมการทำคลับ เราทำให้สบายๆไม่ได้เหรอ ทำไมต้องทำอะไรให้มันวุ่นวาย มากเรื่องด้วย
ทุกวันนี้งานการที่ทำมันน้อยไปหรือยังไง
การทำคลับ มันเอาชีวิตส่วนตัวของเรากับบีไปหมดเลยนะ
พูดไปแล้วใครจะเชื่อ บีเสียเวลากับคลับมาปีนึงเต็มๆ โดยไม่ได้ทำอะไรให้ตัวเองเลย
ส่วนเรา ไม่ต่างกัน ทุกวันนี้เหมือนบินเป็นานอดิเรก ทำคลับเป็นงานหลัก

จะไปสอบป.โทก็ไม่กล้า กลัวไม่มีเวลาให้กับมันเต็มที่
เสียเวลาไปอีกปีเช่นกัน

แต่ไม่เป็นไร เราเลือกเองนี่นะ

ตอนนี้กำลังทำสงครามจิตวิทยากับใครต่อใครรอบๆตัว
ทำไมทุกๆคนคิดว่าเราจะเสกอะไรให้เค้าได้ดังใจนึก
เราก็แค่นางฟ้าติดดินธรรมดา ไม่สามารถเสกอะไรให้ใครต่อใครได้หรอก
ทุกคนในคลับต้องเท่ากัน
นี่คือสิ่งที่เรากับบีตกลงกันไว้

แต่ทุกวันนี้ VIP ปาเข้าไปค่อนคลับ

ทำไมทุกๆคนต้องคิดว่าตัวเองเป็น somebody ด้วยนะ
การที่เค้าทุ่มเงินให้ตี๋มากมาย ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องทำงานรับใช้ให้เค้าอย่างี้นี่นา
เงินสักบาทก็ไม่ได้
เราเข้ามาทำตรงนี้ เราเอาใจมาแลกใจล้วนๆ
ไม่ได้อยากได้อะไรตอบแทน
ขอแค่ใจ ให้กันได้ไหม

ทุกวันนี้บีมันได้ใจจากใครบางคนไปแล้ว
มันก็เลยมีแรงสู้ไง

แต่ไม่เกี่ยวกันหรอกนะ
เฮ้อ !

ตอนนี้กำลังแก้ปัญหาเรื่องบัตรคอนเป๊บซี่ที่พี่ม่วยแกเอาไป 60 ใบ
เวลาจะเอา ยังไงก็จะเอาให้ได้
บอกแล้วว่าไม่ให้ เพราะเราต้องรับผิดชอบ เกิดปัญหาอะไรขึ้น เรารับเต็มๆ พี่ม่วยไม่ได้มารับรู้ด้วย
เค้าเถียงเราไม่ได้ เพราะเรามีเหตุผลหนักแน่นกว่ามารองรับ เลยให้พี่ก้อยมาพูดให้
ก็โอเค ด้วยความเกรงใจ ก็ปล่อยบัตรให้เค้าเอาไปแจกคนอื่นซะ 60 ใบ

หลังจากวันนั้น มีปัญหาเกิดขึ้นตลอด บัตรไม่ครบ บัตรออกซ้ำ ฯลฯ
ตอนนี้กำลังมีปัญหา Log-in กับชื่อไม่ตรงกัน
พี่ม่วยเอาบัตรไป 61 ใบ แต่หน้าเว็บมีคนลงชื่อกับพี่ม่วยแค่ 40 ใบ อีก 21 ใบหายไปไหน
โทรไปถาม อธิบายไม่ได้ เพราะพี่ม่วยแกไม่เข้าใจระบบ log-in
แกไม่เข้าใจว่า log-in มันก็คือชื่อนั่นแหละ ไม่ต่างกัน

โธ่ !!!!

ตอนนี้กำลังหาทางแก้ปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวเอง

ทั้งพี่ม่วยและพี่ก้อยที่รับปากแข็งขันว่าจะช่วยหามาให้ครบว่าใครเอาบัตรไปบ้าง
ตอนนี้หายจ้อย ไม่มีใครรับผิดชอบสักคน
ไหนว่าจะช่วยหนูรับผิดชอบงายยยยย
~>_<~

วันหลังจัดการกันไปเองเหอะ มานอกระบบแบบนี้
งานเราเยอะอยู่แล้ว ยังอุตส่าห์หางานมาให้เราทำเพิ่ม
เหนื่อยใจจริงๆ

ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

วันนี้....หมดแรงอีกแล้วน่ะสิ