Sunday, March 14, 2010

ความน่ารักของร้านเมล็ดข้าว

แฟนคลับเอสเจคงไม่มีใครไม่รู้จักร้าน 밥톨’s

และแน่นอนว่าเมื่อเราไปเยือนถึงถิ่นแล้ว นอกจากKiss The Radioแล้ว ก็มีร้านบับทลส์นี่แหละที่เราต้องเป็นเยือนเพราะถือเป็นหนึ่งใน SM Tourist Attraction

วิธีไปร้านบับทลส์ง่ายกว่าที่มองในแผนที่ นั่งรถไปลงที่สถานีฮงเดะ หรือ Hongik U. Station แล้วเดินขึ้นทางออกสาม พยายามอย่าเข้าซอยเพราะคุณจะหลง เดินไปตามถนนหลักหาสามแยกที่เป็นมหาวิทยาลัยให้เจอ จากสามแยกที่ว่า หันหน้าเข้าไปทางมหาวิทยาลัย เดินไปทางซ้าย ไม่นานจะเจอร้านตั้งเด่นเป็นสง่ารอรับผู้มาเยือน

밥톨’s แปลว่าเมล็ดข้าวหรือ Rice grain เป็นร้านเล็กๆ ขนาดแค่ห้องเดียว มีพนักงานอยู่ประมาณ4-5คน เป็นพ่อครัวสองคน เป็นเด็กเสิร์ฟสองคน อีกคนถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นป้าแม่บ้าน คุณพ่อของเยซองเป็นคนคิดเงิน ส่วนคุณแม่คอยดูแลความเรียบร้อยทั่วไปภายในร้าน เมื่อเดินเข้าไปในร้านจะเจอคุณพ่อยืนยิ้มต้อนรับเป็นเถ้าแก่อยู่ตรงเคาท์เตอร์ ถ้าเคยเห็นรุปที่แฟนคลับถ่ายมาลงตามเว็บ จะสังเกตได้ว่าคุณพ่อมักจะถือไม้กวาดเป็นพร็อพประจำตัวเสมอ ว่างๆแกคงเดินกวาดร้านไปเรื่อยแวะไปสองสามครั้งก็เห็นคุณพ่อถือพร็อพอยู่ทุกที ส่วนคุณแม่ก็ดูใจดีน่ารักตามแบบเถ้าแก่เนี้ยทั่วไป เวลาร้านยุ่งๆคุณเถ้าแก่เนี้ยมักจะคอยล้างถ้วยชามอยู่ในครัว (เวลาทานอาหารพยายามทานให้หมดนะคะ เกรงใจคนล้าง) บรรยากาศในร้านก็ดูอบอุ่นเป็นกันเองดีค่ะ รอบๆร้านเป็นรูปเถ้าแก่น้อยและข้อความจากแฟนคลับติดเต็มไปหมด เดาเอาเองว่าคนออกแบบตกแต่งร้านน่าจะเป็นเถ้าแก่น้อย เพราะรูปที่ตกแต่งร้านเป็นรูปสไตล์ที่เขาชอบทั้งนั้น

ปรกติแล้วถ้าลูกค้าเข้ามาทานอาหาร คนเสิร์ฟมักจะเป็นเด็กเสิร์ฟที่เป็นพนักงาน แต่ถ้าคนไหนท่าทางมึนๆ ดูเหมือนเป็นแฟนคลับเข้ามา คุณพ่อคุณแม่ถึงจะลงมือเสิร์ฟเอง วิธีสั่งอาหารในร้านเขาจะให้เราชี้รูปตามเมนูแล้วชำระเงินเลย ส่วนเครื่องเคียงพวกผักดองและกิมจิจะมีเคาท์เตอร์แยกให้เราตักทานตามสบาย ตักมาแล้วทานให้หมด อย่าเหลือทิ้งนะคะ ตู้น้ำมีสองตู้ เป็นตู้น้ำเปล่าและตู้น้ำอัดลม ถ้าต้องการทานน้ำอัดลมสั่งเพิ่มได้ราคาแก้วละ 500 วอน ไม่มีรีฟิลนะคะ อยากเติมต้องจ่ายเงินเพิ่ม ราคาอาหารก็ประมาณ 4,000-7,000วอน นับว่าเป็นราคาสมเหตุสมผลตามค่าครองชีพชาวเกาหลี

ร้านอาหารกิจการค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ ลูกค้าแวะเวียนไปทานอาหารเยอะ เท่าที่สังเกตลูกค้าในร้านเป็นลูกค้าจริงๆ ไม่ใช่แฟนคลับ ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวนักศึกษาจากฮงเดะและมหาวิทยาลัยใกล้เคียง มีบางส่วนเป็นคนวัยทำงาน ดังนั้นเราจึงไม่ได้ถ่ายรูปที่ร้านมาเพราะเกรงใจลูกค้าคนอื่นๆในร้าน รูปคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้ถ่ายมาเพราะเกรงใจมากเหลือเกิน เลยได้แต่ถ่ายรูปอาหารแสนอร่อยมาฝาก
อาหารร้านบับทลส์เป็นอาหารสไตล์ลูกครึ่งค่ะ จะเป็นอาหารเกาหลีก็ไม่ใช่ เป็นอาหารฝรั่งก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าเท่าที่ลองสั่งมาหกเมนู อร่อยทุกอย่าง แม้บางอย่างจะเลี่ยนไปนิดเพราะใส่ชีสเยอะ แต่ถ้าทานกับผักดองหรือกิมจิก็ไม่เลี่ยนเท่าไหร่ กลมกล่อมกำลังดี อาหารหน้าตาสะอาด จานใหญ่มาก กินจานเดียวอิ่มไปถึงกลางคืน ไว้จะหาเวลารีวิวอาหารร้านนี้อีกที

ที่จะเล่าวันนี้คือความน่ารักของคุณเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ยต่างหาก

วันแรกที่ไป เราเดินเข้าไปในร้าน ท่าทางเราคงงกๆเงิ่นๆ คุณพ่อชี้ให้เรานั่งมุมร้าน คุณแม่เอาเมนูมาให้ดูแล้วก็บอกว่าร้านนี้ให้จ่ายเงินก่อนแล้วแล้วค่อยเสิร์ฟนะ เราก็โอเค เข้าใจ พอสั่งอาหารมาเสร็จเราก็ถ่ายรูปพร้อมจดบันทึกไปพลางๆ รีบทานแล้วก็ออกจากร้านมา เพราะเป็นช่วงเที่ยงๆ ร้านกำลังยุ่งสุดขีด ก่อนกลับคุณแม่ก็เดินมาลาเรา แล้วก็ยิ้มกันไปมาไม่ได้พูดอะไร เราเองก็ตื่นเต้น คุณแม่ก็คงพูดไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าเราพอจะคุยภาษาเกาหลีได้บ้าง ก่อนกลับเราได้ฝากกล่องทเวลพลัสกิฟท์เซ็ทที่มีครบ 12 ขวดให้คุณแม่ แล้วชี้ให้เขาดูว่ามีรูปเอสเจครบเลยนะ คุณแม่ก็ยิ้มแล้วไม่ได้ว่าอะไร

วันที่สอง เราไปเวลาประมาณบ่ายสอง เพราะไปเที่ยวที่อื่นมาก่อน เข้าไปในร้านไม่มีลูกค้าคนไหนนั่งอยู่เลย เราเลยเจอคุณพ่อนั่งเป็นเถ้าแก่อยู่ในร้าน คุณพ่อเดินมาชวนคุย พอเห็นเราตอบได้แกเลยดีใจ ถามว่ามาจากไหนกัน แล้วก็บอกว่าวันนี้แม่ไม่อยู่นะ อยู่แต่พ่อ สักพักก็มีแฟนคลับคนญี่ปุ่นมา แกเลยขอตัวไปต้อนรับคนญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นแวะเวียนมาเรื่อยๆ เข้าใจว่าคงมีวันหยุดเทศกาลอะไรกันสักอย่าง แล้วคนญี่ปุ่นทั้งหลายก็ถ่ายรูปร้าน ถ่ายรูปคุณพ่อ เรายังแอบนึกในใจว่าเป็นรอบแฟนมีตหรือเปล่าคะเนี่ย ได้ยินคุณพ่อถามคนญี่ปุ่นว่าวันนี้ไปดูฮงกิลดงหรือเปล่า คนญี่ปุ่นเขาก็บอกว่าจะไปดูกัน เราเองก็จะไปดูฮงกิลดงรอบนั้นพอดี พอคุณพ่อถาม เลยเลยตอบไปว่าเดี๋ยวไปตอนเย็นๆค่ะ คุณพ่อเลยบอกว่าเดี๋ยวเย็นนี้แม่เยซองก็ไปนะ ถ้าไปอาจจะได้เจอกับคุณแม่ เราเลยถามว่าแล้วพ่อล่ะคะ คุณพ่อบอกว่าก็แม่ไปดูละครไงพ่อเลยต้องเฝ้าร้าน (แป่ว....^^)

ก่อนกลับเราได้ฝากขวดทเวลพลัสเวอร์ชั่นเยซองไว้ให้คุณพ่อ 40 ขวด บอกว่าฝากแจกแฟนคลับเยซองคนอื่นด้วยนะคะ เอามาฝากจากเมืองไทย คุณพ่อหยิบขวดขึ้นมาพลิกๆดูพอเห็นรูปลูกชายก็ยิ้มดีใจ แล้วก็ถามย้ำว่า นี่ให้แฟนๆคนอื่นหมดเลยเหรอ เราก็บอกว่าใช่ เอามาให้คนที่ชอบเยซอง คุณพ่อก็ยิ้มดีใจแล้วถามต่อว่า ของพ่อไม่มีเหรอ (ง่า...มามุขนี้เราถึงกับอึ้ง) ก็เลยบอกคุณพ่อไปว่าหนูให้คุณแม่ไปเมื่อวานแล้วค่ะ อันนี้ของแฟนคลับนะคะ (ถ้าคุณพ่อจะจิ๊กหนูก็ไม่ว่าอะไรนี่ค้า) แล้วคุณพ่อก็หยิบขวดขึ้นมาทำท่าฉีดพร้อมทำเสียงฉีดน้ำหอม ซี๊ดๆ แล้วถามว่าอะไรเหรอ น้ำหอมใช่ไหม เราก็บอกว่าใช่ค่ะ ก่อนกลับคุณพ่อก็ล่ำลาพร้อมจับมือจับไม้ บอกยินดีที่มา เราก็เดินออกจากร้านมาด้วยความรู้สึกที่ดี

ส่วนวันก่อนกลับไทย เราต่อเครื่องจากเซี่ยงไฮ้ แวะเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลีก็เลยถือโอกาสแวะไปทานข้าวที่ร้านบับทลส์อีกครั้ง คราวนี้ผลักประตูเข้ามา เจอทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ทั้งสองท่านดูท่าทางจะจำเราได้ท่านก็ทักทายเราเป็นอย่างดี พอสั่งอาหารก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ แล้วก็ปล่อยให้เราทานอาหารกัน ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่ก็นั่งทานอาหารกลางวันกันอยู่อีกมุมนึงของร้าน เรานั่งอ้อยอิ่งกันอยู่นานหันมาอีกทีคุณพ่อออกไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ส่วนคุณแม่ล้างชามอยู่ในครัว เราก็เกรงใจไม่กล้ารบกวนท่าน เลยเอาของที่ Yesung Baidu ฝากมาจัดวางๆในร้านแล้วก็ถ่ายรูป คนฝากเขาจะได้สบายใจว่าของไปถึงร้านแล้วแน่นอน พอถ่ายรูปเสร็จก็เอาของที่เอลฟ์จีนฝากมาให้คุณพ่อคุณแม่ไปฝากไว้กับเด็กเสิร์ฟ ตอนแรกเขาจะเรียกคุณแม่ให้แต่เราบอกว่าอย่าลำบากเลย ไม่อยากรบกวนการทำงาน น้องเขาก็รับคำว่าจะเอาให้คุณแม่เยซองให้นะคะ เราก็ย้ำไปว่าอันนี้ไม่ใช่ของของเรานะ เป็นของที่เอลฟ์จีนฝากมาให้ เขาก็รับคำว่าเขาเข้าใจ ส่วนของขวัญที่เราจะฝากให้เยซอง เราก็ฝากน้องเด็กเสิร์ฟไว้เหมือนกัน พอเราฝากไว้เสร็จ พอคุณแม่เห็นว่าเป็นของของเราไม่ใช่ของที่คนอื่นฝากมาเขาเลยรีบล้างมือมารับของเอง (เกรงใจคุณแม่มากๆๆๆๆๆ) แล้วคุณแม่ก็ชวนคุยว่าจะขึ้นเครื่องกลับแล้วเหรอ เดินทางดีๆนะ เราก็รับคำแล้วก็บอกคุณแม่ว่าคราวหน้าถ้ามาเกาหลีจะมาที่ร้านอีก คุณแม่ก็ยิ้มแล้วบอกว่ายินดีต้อนรับนะจ๊ะแล้วก็จับมืออำลากันเรียบร้อย

นี่คือมุมน่ารักๆของร้านเล็กๆที่ชื่อว่าบับทลส์ เราเชื่อว่าถ้าใครได้มีโอกาสไปเยือนที่ร้านเมล็ดข้าวแห่งนี้จะต้องตกหลุมรักร้านเล็กๆแห่งนี้อย่างแน่นอน

แล้วเราจะกลับไปที่นั่นอีก เราสัญญา

2 comments:

  1. ^^ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ

    ช่วงปีใหม่ก็ว่าจะไป บับทลส์ อยู่เหมือนกัน

    ReplyDelete
  2. อ่านแล้วอยากไปจังเลยค่ะ น่าอิจฉาจัง...หวังว่าจะมีโอกาสได้ไปเยือนสักครั้งค่ะ

    ขอบคุณนะคะ ^^

    ReplyDelete