Sunday, March 14, 2010

..จงกิลดง..

จากที่จั่วหัวเรื่องเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเที่ยงวันนี้ วันนี้กลับมาเลยรีบมาปั่นเรื่องของฮงกิลดง เพราะยังมีอีกหลายเอ็นทรี่ที่ต้องอัพให้เสร็จก่อนเสาร์นี้

เริ่มจากการเดินทางก่อนนะคะ
(ปล. ขอแก้ไขรูปก่อนนะคะ มันมีรูปที่ต้องเซ็นเซอร์เยอะเชียว)
เราต้องไปลงรถไฟที่สถานี Olympic Park ไม่ไกลมาก ก็แค่นั่งรถจากโรงแรมที่เราอยู่แค่ชั่วโมงเดียวเอง ฮือๆๆ
ออกมาที่ทางออกสาม


เดินออกมาจะเห็นป้ายเด่นเป็นสง่าเลยค่ะ เราก็เดินตามลูกศรไปเรื่อยๆ ระยะทางที่เขาบอกเป็นเมตรค่อนข้างแม่นยำ

ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ โรงละคร อูรีเธียร์เตอร์
บรรยากาศภายในโรงละครค่ะ

ส่วนนี่คือแบนเนอร์หน้างาน

จนเสร็จธุระถึงเพิ่งมาเจอว่าถ้าจะไปโรงละคร แทนที่จะเดินไปตามลูกศรที่เขาชี้ เราออกจากสถานีแล้วเลี้ยงซ้าย เดินย้อนไปข้างหลังทางออกที่สามจะเห็นลานกว้างๆ ให้เดินไปจนสุดลาน

จะเห็นประติมากรรมที่ระลึกงานโอลิมปิคปี 1988 เดินเลยไปทางขวาอีกนิดก็เห็นโรงละครแล้วค่ะ

จากประติมากรรมที่ว่า ถ้าเดินไปทางซ้ายจะเห็นสเตเดียมที่เขาใช้จัดคอนเสิร์ต วันที่เราไปก็มีศิลปินซ้อมคอนกันอยู่ ได้ยินเสียงแว่วออกมาเลย แล้วพอได้ยินเสียงศิลปิน เราแทบจะยกเลิกแพลนดูฮงกิลดง เพราะศิลปินที่ซ้อมอยู่ข้างในไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพี่หมีคิมแทอูสุดที่เลิฟของเราเอง

แต่ในที่สุดก็ตัดใจเดินไปดูฮงกิลดงจนได้

ฮือ...
ลืมเล่าไปค่ะ เราเดินทางไปโรงละครที่ว่านี่สองครั้ง เพราะเราเวลาอยู่ที่เกาหลีน้อย เราเลยตั้งใจว่ายังไงต้องจองบัตรให้ได้สักรอบ ไม่รอบซองมินก็ต้องรอบเยซอง (ช่วงที่ไปมีซองมินสองรอบและเยซองรอบนึง) ทีนี้ด้วยความที่กลัวว่าบัตรจะเต็ม กลัวไม่มีที่ดู ไปถึงเกาหลีวันแรกเราเลยไปโรงละครก่อนเลย

กว่าจะหาทางไปโรงละครเจอ ถามคนแถวนั้นก็ดันบอกกันไปคนละทาง พอไปถึงละครซองมินรอบบ่ายเลยเล่นไปเยอะแล้ว ทางคนขายตั๋วเขาเลยบอกว่าให้รอดูรอบหน้า ขยับนาฬิกาดูแล้วปรากฏว่าต้องรออีกสองชั่วโมงกว่า ด้วยความรักสบายเราเลยไม่รอ ไปเที่ยวที่อื่นก่อนดีกว่า เวลามีน้อย (แอบเสียดายซองมิน เพราะตอนนั้นมีถ่ายทอดวีดีโอและเสียงออกมา เสียงมินเพราะมาก) ทางทีมงานเขาเห็นเรามาไกล แถมยังไม่ได้ดู เขาคงสงสารเลยให้โปสเตอร์โปรโมทละครมา เป็นโปสเตอร์รูปเต็มตัวของซองมิน และเยซองอย่างละใบ ตามปรกติเขาไม่ได้แจกโปสเตอร์นี้กันผู้ชมทุกคนนะคะ เขาให้แต่press (เขาบอกว่างั้นนะ) เราเลยดีใจมากๆที่ได้มาครอบครอง เอาน่า...อย่างน้อยก็ไม่เสียเที่ยว อุตส่าห์นั่งรถมาไกล

วันที่ 2 เราเลยวางแผนกันอย่างดี ตั้งใจจะไปดูละครให้ได้ ผลปรากฏว่าคำนวณเวลาเดินทางผิด เลยไปช้าประมาณ20นาที เสียดายอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร บนความโชคร้ายยังมีความโชคดีคือเราเข้าโรงละครช้า เขาเลยไม่ให้เราไปนั่งข้างหน้าที่เราจองบัตรไว้ (เราจองไว้แถวที่สามจากข้างหน้า) แต่ให้เรานั่งโซนหลังๆของโรงละคร แต่ดันเป็นโซน VIP เห็นบรรยากาศละครทั้งเรื่อง แถมยังเห็นศิลปินชัดมาก เพราะโรงละครไม่ใหญ่เลย หลังจากช่วง Intermission ถึงได้ย้ายกลับไปนั่งที่ที่เราจองบัตรเอาไว้ คราวนี้ใกล้มาก ซูมผู้ชายเห็นซี่ฟันเลยทีเดียว

เรื่องของฮงกิลดงขอไม่รีวิวนะคะ เพราะยังมีแฟนคลับบางส่วนที่ยังไม่ได้ดู ไม่อยากสปอยล์เรื่อง อีกอย่างเราว่าภาษาเกาหลีของเราเองก็ไม่ได้เก่งมากขนาดจะดูละครได้สนุกด้วย เอาเป็ว่าเยซองที่อยู่บนเวทีวันนั้นน่ารักมากๆ ขนาดตัวเราเองไม่ได้เมนเยซอง พอได้ดูละครแล้วยังอดอมยิ้มในความน่ารักของเยซองไม่ได้ โดยเฉพาะฉากที่พระเอกจีบสาว ออกมากี่ฉากๆก็อมยิ้มค่ะ น่ารักจริงๆ

เสียงเยซองเพราะมาก อันนี้หลายๆคนคงรู้กันอยู่แล้ว แต่เสียงเยซองในละครวันนั้นไพเราะ ก้องกังวานอย่างที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย คงเป็นเพราะเพลงแบบที่เยซองร้องตอนเป็นซุปเปอร์ จูเนียร์เป็นเพลงแบบที่จำกัดความสามารถของเขาไว้ในระดับหนึ่ง ในขณะที่พออยู่ในละครเวที เพลงจะเป็นอีกแนวที่ให้เขาสามารถปล่อยพลังเสียงได้เต็มที่ เยซองร้องขึ้นมาเมื่อไหร่ขนลุกเมื่อนั้น ส่วนในเรื่องของการแสดงเยซองก็แสดงได้ดี เห็นแล้วเชื่อว่าผู้ชายคนนี้แหละเป็นฮงกิลดง แม้ในเรื่องฮงกิลดงเวอร์ชั่นละครเวทีจะเน้นด้านความรักมากกว่าด้านอื่นๆก็ตาม

ทีมงานำงานมืออาชีพมากๆ ที่เห็นชัดๆเลยคือทีมแสง ละครเรื่องนี้จัดแสงได้ละมุนมาก เข้ากับบรรยากาศในทุกๆฉากของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นฉากรักหวานซึ้ง ฉากสู้รบกันดุเดือด หรือแม้แต่ฉากที่เศร้าที่สุดของเรื่อง องค์ประกอบแสงก็ช่วยนำบรรยากาศให้คนดูคล้อยตามได้เป็นอย่างดี โปรดักชั่นดีไซน์ ทั้งคอสตูมและการออกแบบฉากทำได้กลมกลืน แม้จะดูค้นคว้าข้อมูล ทำรีเสิร์ชกันน้อยไปหน่อย แต่ก็ให้อภัยเพราะองค์ประกอบโดยรวมมันเข้ากัน

ทีมนักแสดงเป็นมืออาชีพทุกคน ตัวละครหลักร้องเพลงและแอ็คติ้งได้อย่างเป็นมืออาชีพ มองออกเลยว่านักแสดงทุกคนมีประสบการณ์ด้านละครเวทีมาไม่น้อย นางเอกเสียงหวานเหมือนใบหน้า ความสามารถล้นเหลือขนาดที่ร้องเพลงคู่กับเยซองแล้วทำให้เพลงยิ่งไพเราะ มีพลัง เป็นคู่นักแสดงที่เข้ากันได้อย่างลงตัว แม้เราจะรู้มาก่อนว่ามีเวลาซ้อมกันน้อยก็ตาม

แม้ตอนจบของละครจะเศร้าไปนิดแต่เราก็อดอมยิ้มไม่ได้กับฉากเคอร์เท่น คอลทีเยซองจัดให้แฟนคลับของเขา รอบที่เราไปดู สามแถวหน้าเป็นแฟนคลับเยซองทั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นเอลฟ์เกาหลี และแฟนคลับชาวญี่ปุ่น เท่าที่เห็นวันนั้นรอบที่เราไปดูไม่มีคนไทยเลย

แอบถ่ายคลิปตอนจบของละครมาได้ แต่ยังไม่กล้าโพสท์ลงในยูทูป รอให้ละครลาโรงไปก่อนแล้วจะโพสท์ให้แฟนๆชาวต่างชาติ
ได้ชมความสามารถของเยซอง ส่วนไฟล์เคอร์เท่น คอลที่เรียกนักแสดงออกมาทังหมด เราอัพขึ้นยูทูปแล้ว ใครอยากดูลองไปหาดูได้ค่ะ แอบเก็บไฟล์เสียงเอ็มพีสามมาได้เกือบทั้งเรื่อง แม้เสียงจะไม่ชัดเพราะซ่อนเครื่องอัดไว้ในกระเป๋า แต่ก็พอได้ยิน ใครอยากได้ไฟล์เอ็มพีสามขอมาได้ ถ้าว่างจะรีบส่งให้ทันที ของดีมีไว้แชร์ ดูคลิปฟังเพลงแล้วอย่าลืมสนับสนุนศิลปินคุณภาพนะคะ

หลังละครจบ คุณแม่ของเยซองพาแฟนคลับบางส่วนเข้าไปหลังโรงละคร แต่เราไม่ได้เข้าไปเพราะมัวแต่คุยกับเอลฟ์เกาหลีอยู่ อีกอย่างก็เกรงใจเขามากๆ เล่นละครเหนื่อยแล้วยังต้องมาเจอแฟนคลับอีก ในบรรดาคนที่คุณแม่ชวนเข้าไป เห็นมีคนเข้าไปจริงๆแค่สามสี่คนเองค่ะ นอกนั้นเขาคงคิดเหมือนเราคือเกรงใจคุณแม่และเกรงใจศิลปิน รักเขาชอบเขาก็ตามแต่พอดี อย่าไปสร้างความลำบากใจให้เขาหรือไปสร้างความรำคาญให้เขา

ระหว่างเดินกลับมาขึ้นรถไฟ เสียงร้องของจงกิลดงยังคงก้องอยู่ในหู นี่เองที่เขาเรียกกันว่าเส้นเสียงของซุปเปอร์ จูเนียร์ กลับมาดูคลิปที่ถ่ายไปวันนั้น อมยิ้มไปกับความร่าเริงน่ารักของจงกิลดง ปฏิเสธไม่ได้ว่าแอบปลื้มจงกิลดงไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ

No comments:

Post a Comment