Monday, September 04, 2006

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว.....

นานได้ที่แล้ว ที่ไม่ได้อัพบล็อกเน่าๆอันนี้

เท่าที่จำได้ ก็ประมาณเดือนกว่า

ประการแรก มันเริ่มจากไฟลท์ SFO ที่ไปกับนิ และโก๊ท ไม่มีอะไรมากนอกจากเดินเล่น ซื้อของเล็กๆน้อยๆกันตามประสาเพื่อนสาว ไฟลท์เยินสุดชีวิต กลับมาก็ไปบิน ผ่านชีวิตเหนื่อยยากมาร่วมเดือน
ตอนนี้คล้ายๆกับชีวิตเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

อ้อ ! ในเวลาหนึ่งเดือนทำอะไรไปตั้งหลายอย่าง

ขอพูดถึง AF3 ซักหน่อย ณ วันนี้ ได้ผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายแล้ว คือ ต้า ซาร่า มินต์ บอย และตุ้ย ก็ค่อนข้างที่เราเก็งไว้แต่แรก (เดือนที่แล้ว จำได้ว่าเก็งไว้สามคนคือ มิ้นต์ ตุ้ย และต้า)น้องร่าเป็นคนที่เป็นไปตามคาด แต่เหนือความคาดหมายนิดหน่อย คือดูออกว่าน้องร่าน่าจะเข้ารอบลึก แต่ก็ไม่คิดว่าน่าจะได้อยู่ถึงวีคสุดท้าย คิดว่า UBC คงมีส่วนช่วยดัน เพราะจะให้น้องมิ้นต์เป็นเด็กหญิงอยู่ในบ้านกับลิงทะโมนทั้งหลายได้ไง ไม่ควรอย่างยิ่ง ก็นับว่าเป็นโชคดีของหนูร่าไป ที่ FC เยอะ และUBC เมตตา

คนที่ผิดคาดไปมากๆคือน้องเพชร ความสามารถขนาดนี้ ไม่น่าไปเป็นคนที่สองเลย ชาวบ้านร้านตลาดตกใจไปตามๆกัน แต่คิดว่าน้องเพชรคงหัวแข็งเกินกว่าทีทีมงานจะปล่อยให้เธอออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง การเอาออกอาจจะเป็นวิธีที่ง่ายสำหรับทีมงาน ส่วนอีกคนที่ผิดคาดมากมายคือน้องบอย ตอนแรกที่ดู ไม่คิดว่าบอยจะชนะใจคนดูได้มากมายขนาดนี้ อย่างที่รู้ๆกันว่าเราไม่ค่อยได้ดูในบ้านเท่าไหร่เพราะต้องไปบิน แต่หลังจากที่ได้มีโอกาสไปดูที่ ธันเดอร์โดมวีคที่ 7 (วีคแดนซ์ ~ หมูตูนออก) ทำให้เห็นพลังอันล้นเหลือของบอย เห็นได้ว่บอยเป็นคนที่เอาตัวรอดได้บนเวที และสามารถทะลุกำแพงได้เยอะกว่าใคร เผลอๆ ผลโหวตอาจจะพลิกล็อคให้บอยได้รถไปขับเลยก็ได้ ไอ้ที่หนึ่งน่ะ ตุ้ยเห็นๆ นอนมาชนิดไม่ต้องแข่งกันอีกแล้ว -_-'

เดือนที่แล้ว นายแม่แห่ง JBT มีเหตุอันให้ต้องเข้าโรงพยาบาล อาศัยว่าเราอยุ่ใกล้ เลยมีโอกาสได้ไปอยู่เป็นเพื่อน ให้Super Nok ไม่เหงามากนัก ที่จริงตอนแรกก็ไม่กะจะไปบ่อยขนาดนั้น แต่บังเอิญมีวันนึง ดันโผล่ไปเอาตอนที่นายแม่ดู DVD น้ำตาไหลพรากๆ ไม่รู้ว่ามันอินกับหนัง หรือมันเหงากันแน่ แต่ที่แน่ๆ เห็นSuper Nok iองไห้แบบนั้น ใจอ่อนยวบเลย เลยต้องอ้างหาดอกไม้ไปให้มันทุกวัน คนเคยไฮเปอร์กระฉับกระเฉงแบบนั้น ถ้าต้องมานอนให้น้ำเกลือคงทรมาน งานนี้ชาว JBT ได้โอกาส ไปปาร์ตี้ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์กันสองวันเลยทีเดียว ยังจำได้ถึงรสชาติอาหารทะเล(ผ่านการปรุงพิสดารโดยป้าแมวและคณะ -_-')อร่อยมากมาย รสน้ำใจ บวกกับรสแห่งมิตรภาพ เป็นสิ่งที่ลืมไม่ลงจริงๆ วันหลังคงมีนัดกินแบบนี้กันอีก หวังว่าคงไม่ใช่ที่โรงพยาบาลนะ

ตอนนี้มีรุ่นน้อง BKK crew รุ่น 90 ออกมาบินกันปร๋อแล้ว รู้สึกแก่ขึ้นเป็นกอง น้องๆทุกคนหน้าตาสดใสน่ารัก สมกับที่เขาร่ำลือกันว่าน้องๆ Asiana รุ่นนี้คัดหน้าตามาทุกคน เราเองก็ได้แต่หวังให้น้องๆปรับตัวกับการทำงานบนไฟลท์ และวัฒนธรรมเกาหลีให้ได้เร็วๆ จะได้มีความสุขกับอาชีพ เราเองถึงจะบ่นๆไปบ้างตามประสา แต่ที่จริง ก็ยอมรับละ ว่าหลงรักการเป็นคนบนฟ้า ตื่นเต้นทุกครั้งที่เครื่อง take-off รู้สึกดีทุกครั้งที่เห็นเครื่องบินผ่านเมฆ ทุกวันนี้ยังรักที่จะมองลงไปเบื้องลงแล้วพบเห็นวิวจากมุมสูง รักที่จะได้เป็นผู้สร้างความสุขและความสะดวกสบายให้ผู้โดยสาร ผู้ที่ชื่อว่ามอบเงินเดือนให้เราอยู่ดีกินดี และทุกวันนี้ แม้จะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็สามารถพูดได้ว่า มีความสุข(แทบ)ทุกครั้งที่ต้องลากกระเป๋าไปบิน ถึงบางไฟลท์จะไม่น่าอภิรมณ์ แต่เราเชื่ออยู่อย่างนึงว่า งานทุกงานมันมีความน่าเบื่อในตัวเอง อย่างน้อยงานที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ มันก็น่าเบื่อน้อยที่สุดสำหรับเราแล้วหละ

วันที่นั่งอัพบล็อกอยู่นี้ เราเพิ่งกลับมาจากการบินไฟลท์ JFK ที่แสนจะเหนื่อยโหด แถมไปกับซอนแบนิมที่ขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์วัยทองสุดฤทธิ์ (บอกชื่อก็ได้ เฮียแกชื่อลีเจจิน) เป็นกระเทยเกาหลี ตัวเบ้อเริ่ม มีเรื่องกับลูกเรือ oversea มาหลายรายแล้ว แต่แปลกที่ไปบินคราวนี้เฮียแกอารมณ์ดี อุ่นแนด์วิช ทำกาแฟให้กิน นั่งคุย นั่งโอ๋เราทั้งไฟลท์ ไม่รู้ว่าเห็นว่าเราป่วยหรืออย่างไร แต่ก็ดีแล้ว ไม่ได้คิดอยากจะแหย่เสือหลับหรอกนะ

มาบินแพทเพทิร์นนี้ เหนื่อย และป่วยที่สุดเท่าที่เคยบินมา เพราะเป็นหวัดเรื้อรัง ยาวนาน กินยาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ป่วยมารวมอาทิตย์กว่าแล้ว แต่ทุกครั้งที่อาการดีขึ้น มันก็ได้เวลาต้องขึ้นบิน พอไปเจอสภาพอากาศบนเครื่องที่ทั้งหนาว ทั้งแห้ง อากาศไม่ถ่ายเท อาการหวัดที่เป็นก็กำเริบอีก ยาหมดสต็อก แถมต้องไปซื้อเพิ่มจากนิวยอร์ค ยาเมืองนอกแพงสิ้นดี จ่ายค่ายา น้ำตาแทบไหลพรากๆ อ่านฉลากยาจนงง ยาเมืองนอกส่วนมากเป็นยาที่มีตัวยาผสมมาอยู่แล้ว ไม่มียาที่รักษาตามอาการเลย จะกินสุ่มสี่สุ่มห้าก็กลัวจะได้รับยาเกินขนาน ได้แต่กินข้าวกินยาแล้วก็กระเซอะกระเซิงกลับมานอนในโรงแรมจนได้เวลาบินกลับ

เข้าใจถ่องแท้ว่าการไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ

เวลาที่เกาหลีตอนนี้ใกล้จะ 7 โมงเช้า ฟ้าสางอีกแล้ว เดี๋ยวคงได้เวลานกฮูกอย่างเราเข้านอนซะที มีเวลา day-off อีกวันก่อนบินกลับบ้าน กลับไปคราวนี้ ต้องจัดการเรื่องย้ายห้องให้เสร็จวะที ไม่งั้นคงไม่ได้ย้าย เพราะไม่มีวันหยุดยาวๆเลย

น้ำมูกยังไหลติ๋งหนืด ไอแค็กๆ และมีอาการปวดเมื่อยตามตัวอยู่ดี

คิดถึงทุกคนที่เมืองไทยจริงๆ

ปล.เข้ามาอัพบล็อกเพิ่มนิดหน่อย พอดีได้ไปดู flash จากเว็บไดของรุ่นน้องมา ลิ้งค์มาจากไหนไม่รู้ แต่ประทับใจมากมาย ดูไปอมยิ้มไปตลอดเลย
คลิกที่นี่

ฟังเพลงนี้แล้วคิดถึงหมาย้วยมากมาย


เธอมาเติมดาวให้เต็มขอบฟ้า เธอมาทำให้พระจันทร์เต็มดวง
ทำให้คืนที่มันมืดมนสดใสสว่างไม่รู้เพราะเหตุใด
เธอมาทำให้หัวใจหวั่นไหว เธอมาเติมรักให้เต็มดวงใจ
ทำให้ใครคิดถึงต้องเธออย่างนี้ทุกคืนอย่างนี้ทุกวัน

อยากจะรู้ว่าเธอทำอย่างนี้ได้ยังไง
เหมือนมีมนต์ดลใจ สะกดฉันให้อยู่ในความฝันแม้ยามตื่น
ฉันก็ไม่อาจฝืนห้ามใจไม่ให้รักเธอ

รู้บ้างไหมว่าเธอทำให้คืนวันมันช่างมีความหมาย
แม้เธอไม่ตั้งใจ แต่โลกนี้ก็สดใสเพราะมีเธอ
รู้บ้างไหมว่ามีใครที่เธอทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป
ให้ฉันได้เข้าใจ ว่ารักนั้นเป็นอย่างไรฉันขอบใจเธอ

เธอมาเติมดวงตะวันยามเช้า เธอมาทำให้สายลมบางเบา
ทำให้โลกที่มันว่างเปล่าไม่เหมือนวันเก่า ไม่เหงาอีกต่อไป
เธอมาทำให้ฉันร้องเพลงรัก เธอมาทำให้หัวใจโบยบิน
ทำให้ฉันนั้นจะได้ยินแต่เสียงหัวใจบอกว่ารักเธอ

อยากจะรู้ว่าเธอทำอย่างนี้ได้ยังไง
เหมือนมีมนต์ดลใจ สะกดฉันให้อยู่ในความฝันแม้ยามตื่น
ฉันก็ไม่อาจฝืนห้ามใจไม่ให้รักเธอ

รู้บ้างไหมว่าเธอทำให้คืนวันมันช่างมีความหมาย
แม้เธอไม่ตั้งใจ แต่โลกนี้ก็สดใสเพราะมีเธอ
รู้บ้างไหมว่ามีใครที่เธอทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป
ให้ฉันได้เข้าใจ ว่ารักนั้นเป็นอย่างไรฉันขอบใจเธอ

เหมือนว่าทุกสิ่ง เหมือนว่าทุกอย่างวันนี้
ที่ดูสวยงามเหลือเกินเกิดขึ้นทันใดเมื่ออยู่ใกล้เธอ

รู้บ้างไหมว่าเธอทำให้คืนวันมันช่างมีความหมาย
แม้เธอไม่ตั้งใจ แต่โลกนี้ก็สดใสเพราะมีเธอ
รู้บ้างไหมว่ามีใครที่เธอทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป
ให้ฉันได้เข้าใจ ว่ารักนั้นเป็นอย่างไร...

รู้บ้างไหมว่าเธอทำให้คืนวันมันช่างมีความหมาย
แม้เธอไม่ตั้งใจ แต่โลกนี้ก็สดใสเพราะมีเธอ
รู้บ้างไหมว่ามีใครที่เธอทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป
ให้ฉันได้เข้าใจ ว่ารักนั้นเป็นอย่างไรฉันขอบใจเธอ

No comments:

Post a Comment