Thursday, September 14, 2006

เรื่องของ The Lion King

รีบกลับมาเขียนก่อนที่จะลืมซะหมด

เพิ่งกลับมาจากโรงละคร Minskoff Theatre ค่ะ

บอกชื่อโรงละคร คงงงกันไปเป็นแถวๆ แต่ถ้าบอกว่าไปดู The lion King มา ทุกคนคงร้องอ๋อ อาจจะมีสงสัยบ้างว่า ไม่เคยดูการ์ตูนเรื่อง The Lion king หรือไง ไอ้เคยน่ะมันเคยอยู่หรอก แต่วันนี้ขอไฮโซ ไปดูละครเพลง (หรือที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า Musical) ก็แล้วกัน

จะว่าไป ฉันเองก็เรียนจบมาจากภาควิชาศิลปะการละคร เพื่อนฝูงคนอื่นที่เขาจบ ก็ทำมาหากินในสาขาวิชาที่จบมากันทั้งนั้น มีไอ้คนไม่รักดีอย่างฉันนี่แหละ ที่แปลกแยก มาทำอาชีพอื่นที่ไม่เกี่ยวกับละครซักเท่าไหร่
แต่ความรักในศิลปะการละคร ก็ยังมีอยู่นะ

มา JFK ก็หลายครั้ง แต่ยังไม่เคยได้มีโอกาสสัมผัสกับละครบรอดเวย์แท้ๆสักที คราวนี้ฤกษ์งาม ยามเหมาะ เงินในกระเป๋าก็เป็นใจ เลยตัดสินใจว่าจะดูละครบรอดเวย์ให้ได้ ว่าแล้วก็เปิดหนังสือ City Guide หาละครที่น่าดู ละครบรอดเวย์มีเยอะมาก ส่วนใหญ่ จะตั้งโรงละครกันอยู่บริเวณ Theatre District ย่าน Time Square ใจกลางกรุงนิวยอร์ค ราคาตั๋วก็มีต่างๆกันไป คราวนี้ที่ตัดสินใจมาดู เดินท่อมๆหาโรงละครแบบเอ๋อๆ ตั้งใจว่า โรงไหนมันยังไม่เต็มก็โรงนั้นแหละ เล็งละครเรื่อง The Lion King และ Beauty and the Beast เอาไว้สองเรื่อง เคยดูการ์ตูนดิสนี่ย์มา หวังไว้ว่ายังไงก็สนุก

ถึงเวลากระเหรี่ยงกลางกรุงนิวยอร์คก็เดินกางแผนที่งงๆ ไปจนเจอโรงละคร Minskoff Theatre ที่ถนนสาย 45th St. เดินไม่รู้เรื่องรู้ราวเข้าไปที่ Box Office ซื้อตั๋วมาได้ใบนึง นึกในใจ ทำไมมันแพงอิ๋บอ๋ายโลย ใบนึงตั้ง 111.25 $ แน่ะ ค่าขนมหลายวันเชียว แต่ไหนๆตัดสินใจมาดูแล้วนี่นา เอาเถอะ ก็ถือว่าซื้อประสบการณ์ชีวิตสักครั้งแล้วกัน ว่าแล้วก็เดินกำตั๋วราคาแพงหูฉี่ เข้าไปนั่งในโรงละคร

ละครฝรั่งเริ่มตรงเวลาเป๊ะ ถึงเวลาเขาก็ประกาศห้ามถ่ายรูป และงดใช้โทรศัพท์ขณะชมมหรสพตามกฎของเมืองนิวยอร์ค (เมืองไทยมันน่าจะมีแบบนี้มั่งแฮะ) ฝรั่งที่มานั่งดูละคร เขาก็เคารพกฎกันดี ไม่เห็นมีใครมีทีท่าจะฝ่าฝืนกฎสักคน

มาว่าเรื่องของละครที่ได้ไปดูมาดีกว่า

ประทับใจมากมายกับละครบรอดเวย์ครั้งแรกในชีวิต อันที่จริงเราเคยเห็นภาพ Production ของละครเรื่องนี้มาแล้วเพราะเป็นละครดัง ชนะรางวัล Tony’s Award ตั้ง 6 รางวัลในปีเดียว ยืนยันความไฮโซของละครได้เป็นอย่างดี เด็กเรียนละครอย่างน้อยต้องเคยเห็นภาพโปรดักชั่นผ่านตากันมาบ้าง พอมีโอกาสด้าดูละครกับตาตัวเอง ก็เลยตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

บท และเนื้อร้องไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว ดีเยี่ยมสมกับเป็นละครจากค่าย ดิสนี่ย์ เพลงที่ใช้ประกอบทั้งหมดก็เหมาะเจาะ สมกับที่กลั่นออกมาจากมันสมองของท่านเซอร์ เอลตัน จอห์น acting และ dancing ล้วนกลมกลืนเหมาะเจาะกันไปทั้งเรื่อง ดูแล้วซูฮกผู้กำกับการแสดง (Julie Taymor)ว่าทำไมเขาช่างเก่งเหลือหลายขนาดนี้
ละครเรื่องนี้มีจุดเด่นจริงๆอยู่ที่การใช้ Mask และ Puppet มาร่วมแสดง เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจว่าทำไมถึงช่างคิด ช่างประดิษฐ์ได้เลอเลิศซะขนาดนี้ เทคนิคการแสดงของคนร่วมกับ Mask and Puppet ถือเป็นเทคนิคขั้นเทพ ดูแล้วไม่รู้เบื่อ ตั้งแต่ฉากแรก ว่าด้วยการฉลองการเกิดของ Simba ผู้กำกับคนนี้สามารถเอาภาพของสัตว์นานาชนิด เข้ามาใส่ใว้บนพื้นที่เวทีซึ่งมีจำกัด ลองจินตนาการถึงช้าง กวาง ยีราฟ สิงโต เรื่อยไปจนถึงฝูงนก มาชุมนุมกัน เป็นภาพที่ตื่นตาตื่นใจคนดู สัตว์ต่างๆที่มีบทบาทในเรื่อง ทั้งลิงบาบูน นกกระสา หมูป่า หรือแม้กระทั่งสิงโตซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องล้วนมีชีวิตชีวาโดยผ่านการตีความของผู้กำกับและนักแสดงที่มีฝีมือมหัศจรรย์ ทึ่งใน inner ของนักแสดงที่รู้สึกถึงความเป็นสัตว์ชนิดนั้นจริงๆ ทั้งอากับกิริยา การแสดงออก แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังไม่ทิ้งความเป็น “มนุษย์”ที่ต้องการสื่อสารกับคนดู และยังต้องเชิด puppet ไปด้วย ยอมรับว่าเขาเก่งจริงๆ คนดูที่ดู พร้อมจะเชื่อในมนต์สมมติที่ทีมงานได้ร่วมใจกันสร้างขึ้น ภาพบนเวทีมันจริงใจมากถึงขนาดที่ฉากหนึ่ง สการ์ (ลุงตัวร้ายของซิมบา) กำลังอาละวาดอยู่นั้นเอง มีเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง ถึงกับร้องไห้จ้าขึ้นมาทีเดียว

ไม่รู้ว่าเป้นความจงใจของผู้กำกับการแสดงหรือเปล่า ที่เลือกนักแสดงส่วนใหญ่ในแคสเป็นนักแสดงผิวสี แต่ภาพที่ออกมาบนเวที เป็นภาพที่เข้ากันมาก เราเห็นภาพป่าแอฟริกัน มีนักแสดงเป็นคนผิวสี ร้องเพลงทั้งแนวพื้นเมือง และแนวประยุกต์ แต่ก็มีกลิ่นอายของความเป็นคนผิวสีอยู่ด้วย พลังเสียงนักแสดงทุกคนสุดยอดมาก ตั้งแต่นักแสดงเด็กอายุ 10 ขวบ ไปจนนักแสดงรุ่นเดอะ ทุกคนล้วนมีพลังและเอาคนดูอยู่ได้ถึงสองชั่วโมงครึ่ง



ช่วงที่ละครมีการพักครึ่ง กระเหรี่ยงคนนี้เลยตัดสินใจ เป็นไงเป็นกัน ถามคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆว่า ทำยังไงถึงจะได้ซื้อตั๋วในราคาถูก ฝรั่งเขาก็ใจดี หันมาตอบว่า วันหลังให้ซื้อที่ถูกๆก่อน แล้วค่อยย้ายมานั่งตอนพักครึ่งก็ได้ หรือไม่งั้น ให้ไปเข้าแถวรอตรง box office ที่ Times Square เค้าจะมีตั๋วลดราคามาขาย แต่เราต้องเล็งจังหวะให้ดี

ละครจบ ด้วยความแค้นใจที่หลงซื้อตั๋วแพงเกินเหตุ ก็เลยตัดสินใจเดินไปที่ถนน 44th St. ซื้อตั๋ว Phantom of the Opera ราคา 26 $ มาอีกที่ เดี๋ยวคืนนี้สองทุ่ม จะไปดูอีกรอบ

สรุป ดูละครบรอดเวย์สองเรื่อง จ่ายไปเกือบ 140 $ แพงกระเป๋าฟีบ แต่ก็ยินดีจนกรอบไปอีกทั้งเดือน เพราะถือว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ

เดี๋ยวคืนนี้ดู Phantom เสร็จแล้วจะกลับมาอัพบล็อกอีกรอบ

ปล. แวะเอาคลิป Lion King มาใส่ไว้ ขอบอกว่าขอจริงไฮโซกว่านี้เยอะ




No comments:

Post a Comment