(ยังหาวิธีตั้งเวลาในบล็อคตัวเองไม่เป็น เนื่องจากเป็นคนโลว์ เทคโนโลยีขนาดหนัก เลยต้องตั้งเวลาแบบนี้ไปก่อนค่ะ)
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารไทยที่หอบหิ้วมาจากบ้าน ประหยัดไปได้อีกมื้อนึง เจ้าเพื่อนชอบใจเพราะมาเกาหลีแค่สองวัน บ่นกินข้าวไม่อร่อยซะแล้ว สงสัยยังไม่ชิน ส่วนในรูปนี้คือสตรอเบอรี่ลูกโตๆที่ซื้อเอาแถวนี้เอง สด และหวานฉ่ำกว่าที่เมืองไทย 75%

โปรแกรมวันนี้คือเที่ยวในกรุงโซล เริ่มต้นที่พระราชวังเคียงบ็อกกุง ไปถึงเป็นเวลาเปลี่ยนเวรทหารพอดี อากาศกำลังสบาย ชิลๆค่ะ


เราร่วมขบวนกันไกด์ชาวท้องถิ่น โชคดีที่ไปถึงตอนที่มีรอบภาษาอังกฤษพอดี นับว่าไกด์สาวสวยคนนี้พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วกว่าชาวเกาหลีส่วนใหญ่ ชุดยูนิฟอร์มและหน้าตาก็น่ารักจิ้มลิ้มสมกับที่จะมาต้อนรับแขกต่างบ้านต่างเมือง

รูปนี้เป็นหอตำรายาของน้องแดจังกึมค่ะ ตั้งอยู่กลางสระน้ำ



ต่อจากนั้นเราก็เดินทางต่อมายังพระราชวังชางด็อกกุงที่มีสวนต้องห้ามอันลือชื่อ อันพระราชวังแห่งนี้ ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยมากนัก แม้ว่าจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกก็ตาม เนื่องจากการเข้าชม ต้องเข้าชมพร้อมไกด์ เป็นหมู่คณะ ไกด์ที่ทางการจัดให้มีเพียงสามภาษาเท่านั้น คือภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ แถมพูดได้กระท่อนกระแท่นตามแบบฉบับชาวเกาหลีทั่วไปเสียอีก

สวนต้องห้ามและพระตำหนักต่างๆสวยงามสมชื่อค่ะ
รูปนี้พยายามทำท่าเหมือนดากานดาในเรื่อง เพื่อนสนิท แต่ดูเผินๆแล้ว ออกจะคล้าย เพี้ยนสนิทมากกว่า

นี่คือประตูไม่มีวันแก่หรือ Never get old gate ใครเดินผ่านตรงนี้แล้วจะอายุยืน (เขาว่ากันอย่างนั้น)

ตกเย็น สองพี่น้องก็ชวนกันไปเดินจับจ่ายสตรอเบอรรี่ที่ตลาดนัมแดมุนค่ะ ที่เห็นด้านหลังคือ ประตูเมืองนัมแดมุน เป็นภาพที่ค่อนข้างชินตาของเมืองเกาหลี สำหรับอาคารแบบเก่า กับตึกสมัยใหม่
เช่นเดียวกันกับคนเกาหลี ที่ถึงจะมีเทคโนโลยีก้าวหน้าไปอย่างไร แต่ก็ยังยึดติดกับขนบเก่าๆอยู่มาก พูดแล้วขอแอบนินทาหน่อยเถอะ จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเทคโนโลยีเกาหลีที่เห็นก้าวหน้าเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาพัฒนาขึ้นมาเองหรอกค่ะ แต่ซื้อของสำเร็จรูปมาจากรัสเซีย แล้วแปะตราเกาหลีเอาอย่างนั้นเอง ส่วนเงินทุนหมุนเวียนในการกรช่อร่างสร้างประเทศหลังสงครามก็ได้มาจากอเมริกาในช่วงสงครามเย็น คนเกาหลีจริงๆแล้วจึงผ่านความรู้สึกกดดันจากช่วงสงคราม อีกทั้งยังต้องผ่านการดิ้นรนขวนขวาย ขับเคี่ยวกับชาวต่างชาติที่เข้ามากระทำย่ำยีเป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายร้อยปี ชาวเกาหลีจึงมีนิสัยตรงๆ บางทีก็มีการกระทำบางอย่างที่คนไทยเรารับไม่ค่อยจะได้ ที่สำคัญคนเกาหลีเกลียดคนต่างชาติมากๆ และภูมิใจกับสายเลือดเกาหลีบริสุทธิของตัวเองมากๆด้วย ข้อดีของชาวเกาหลีก็มีเหมือนกันนะคะ เช่นรักพวกพ้อง รักเพื่อนร่วมชาติ มีความเป็นชาตินิยมมากๆ (บางทีก็เกินไป)แถมยังทำงานหนัก ขยันขันแข็งตลอดเวลา คนไทยเราทำอะไรช้าๆ ใจเย็นๆ เรียบร้อยแบบนี้ คนเกาหลีเขาไม่ได้มองว่าดีงามแบบของเราหรอกนะ เขามองว่าขี้เกียจต่างหาก ฉันมาอยู่เกาหลีตอนแรกๆ ก็ทำใจไม่ค่อยได้ แต่ตอนนี้ ชินแล้วค่ะ

หมดวัน เราไปกินมื้อเย็นกันที่ร้านซุปมันฝรั่ง หรือเรียกเป็นภาษาเกาหลีว่าคัมจาทัง กินเสร็จแล้วได้ซี่โครงมาทั้งกอง ดูน่ากลัว แต่ก็อร่อยมากค่ะ

ได้เวลาพาน้องสาวสุดที่รักกลับบ้านเสียที....
No comments:
Post a Comment