Saturday, March 18, 2006

ทัวร์ พระนคร

เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ฉันได้มีโอกาสไปทัวร์พระนครกับน้องเพื่อน น้องสาวสุดที่รัก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า'ติสท์อารมณ์ไหน ถึงได้ชวนกันไปเที่ยววัดพระแก้วกันสองคน มาคราวนี้น้องเพื่อนหมายมั่นปั้นมือว่า ยังไงก็จะต้องเยี่ยมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทให้ได้
เราออกเดินทางกันแต่เช้า แวะร้าน"ทานข้าวครับ" ขาประจำหน้าปากซอย เป็นมื้อเช้า แล้วถึงได้เดินทางโดนรถแท็กซี่ เพื่อไปยังวัดพระแก้ว
เมื่อไปถึง มีนักท่องเที่ยวหนาตาทีเดียว ทั้งชาวญี่ปุ่น จีน เกาหลี ฝรั่งชาติต่าๆ ไม่เว้นแม้ชาวรัสเซีย (คู่ปรับเก่าของอิฉันเองค่า -_-') น่าแปลกใจนิดเดียวตรงที่ ฉันไม่เข้าใจว่า ทำไมไม่ค่อยมีชาวไทยก็ไม่รู้ สงสัยคนไทยมัวแต่ไปตามรอยแดจังกึมอยู่ที่เกาหลีแน่ๆ ช่วงนี้ไฟลท์เกาหลีถึงได้เต็มไปด้วยคนไทยแบบนี้
Image hosting by Photobucket
ที่ไปทัวร์พระนครเนื่องจากฉันอยากไปไหว้พระแก้วมรกตมาตั้งนานแล้ว แต่ยังหาโอกาสเหมาะๆไม่ได้สักที วันนี้เลยถือโอกาสไปไหว้พระ ชมวัดวาอารามให้ใจร่มๆ ออกจากวัดพระแก้วแล้วก็ไปต่อวัดโพธิ์ ฉันชื่นชมหลวงพ่อโตปางไสยาสน์ที่วัดโพธิ์เป็นพิเศษ ต้องหาโอกาสเหมาะๆไปนมัสการท่านทุกปี อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่หลังจากนมัสการหลวงพ่อแล้ว ฉันยังได้มีโอกาสนวดแผนไทยถึงถิ่นเลยทีเดียว

Image hosting by Photobucket
ค่านวดเท้าราคา300บาทต่อ 45นาที นับว่าแพงเอาการสำหรับสถานบริการแบบนี้ ดูท่าทางไม่สะอาดสะอ้านเท่าไหร่ ไม่มีแอร์ แล้วก็พนักงานไม่ค่อยดีมาก อาจจะเป็นเพราะฉันและน้องเป็นคนไทย ไม่ใช่ฝรั่งผมทอง พนักงานนวดเลยไม่ค่อยแสดงความสนใจ ร้านนวดที่ฉันเคยไปใช้บริการในราคาถูกกว่านี้ นวดได้ดีกว่านี้ และพนักงานก็บริการดีกว่าด้วย

Image hosting by Photobucket Image hosting by Photobucket
เสร็จจากกิจกรรมนวด ฉันนั่งแท็กซี่ต่อไปวัดมังกรกมลาวาส เพื่อนมัสการพระพุทธรูป และพระโพธิสัตว์ ฉันไม่เคยไปวัดจีนเลย จึงค่อนข้างสับสนในการไหว้พอสมควร ไม่รู้ว่าควรจะไหว้พระ หรือไหว้เทพเจ้าองค์ไหนอย่างไร ต้องโทรปรึกษาผู้รู้จริง
ที่หน้าวัดมังกรฯมีแม่ค้าหลายคนทั้งที่ตั้งแผงลอย และที่เดินขายของอยู่ เมื่อพวกแม่ค้าเห็นฉันเดินเหมือนจะเข้าไปในวัด ต่างก็มารุมล้อม แกมบังคับให้ฉันซื้อดอกไม้และพวงมาลัยในราคาแพงลิ่ว ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ทำมาหากินกับวัดวาอารามถึงได้มีลักษณะแบบนี้ ในสายตาของฉันซึ่งเป็นคนไทย บอกตามตรงว่าอายสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอื่นๆที่มองคนไทยด้วยสายตาที่ฉันพูดไม่ถูก เพราะพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้น ต้อนเราด้วยลักษณะที่ "ไม่ซื้อไม่ได้" ทั้งคำพูดตำจา และการกระทำ น่ากลัวค่ะ น่ากลัวมากๆ
รอบๆวัดมีสินค้าวัตถุมงคลหลากชนิดให้เลือกซื้อหา ฉันพยายามเลือกซื้อปี่เซี๊ยะที่ถูกใจ แจ่ไม่เป็นผลเพราะฉันอยากได้ปี่เซี๊ยะที่ทำจากหินหรือหยก แต่ปี่เซี๊ยะที่ขายแถวๆนั้นมักทำจากเรซิ่น (แต่โกหกคนซื้อว่าเป็นหิน) ฉันพอจะแยกแยะออกว่าเรซิ่นกับหินจริงมันแตกต่างกันอย่างไร ของง่ายๆแค่นี้ใครๆก็ดูออก เถียงกับแม่ค้าก็เห็นจะป่วยการ เลยได้แต่เก็บความเสียดายไว้เงียบๆ มาสำเพ็งคราวนี้ฉันจบท้ายด้วยข้าวต้มแปลงนามแสนอร่อย ไม่ได้กินเสียนาม รสชาติยังคงเดิมแม้คนขายจะดุกว่าเดิมไปบ้าง เราก็ไม่ว่ากัน


Free Image Hosting at www.ImageShack.us
ถ่ายรูปแล้วได้รูปข้างล่างนี่
Image hosting by Photobucket
โอ๊ตและป้าแมวกับขนมกองโต
Image hosting by Photobucket Image hosting by Photobucket
สีขาวนี่คือ มูสช็อคโกแล็ตขาวแสนอร่อยค่ะ ไอ้ก้อนข้างๆชื่ออะไรก็จำไม่ได้ จำได้แต่ว่าก้อนนี้แหละที่แผลงฤทธิ์ซะจนหน้าตาบวมเจ่อ
บ่ายสามโมงครึ่งหลังจากเดินสำเพ็งเสร็จ ฉันนั่งรถไฟฟ้าไปเจอนายโอ๊ตกริดที่สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์เพื่อไปยังร้านเชอรูแบง (ไม่แน่ใจว่าอ่านแบบนี้หรือเปล่า) วันนี้เรามีนัดทานขนมจิบชายามบ่ายกับคุณป้าแมวค่ะ โอ๊ตกริดรับประทานบราวนี่ไปหลายชิ้น ฉันเองก็อิ่มอร่อยกับขนมเค้กชนิดต่างๆ ได้ยินป้าแมวเล่าเจ้าของร้านขนมส่งลูกสาวไปเรียนทำขนมถึงที่กอดองเบลอะ สาขาประเทศอังกฤษ ขนมเขาถึงได้นุ่มฉ่ำ ได้ใจลูกค้าขนาดนี้ ประทับใจขนมสโคนที่ป้าแมวสั่งมาให้ทาน ฉันกินเยอะจนออกอาการแพ้ช็อกโกแล็ต หน้าตาบวม ปากเจ่อ คันในคอยิบๆ ตกค่ำจึงไม่สามารถอยู่รอพบหม่าม้าน้องโจเพื่อรับประทานมื้อเย็นที่ร้านจิตรโภชนากันต่อได้
ฉันออกอาการแพ้ช็อคโกแล็ตเยอะกว่าที่เคยเป็น ร้อนถึงนายแม่นก ต้องหอบหิ้วเอากลับมาส่ง ถามว่าเข็ดไหม ยังไม่เข็ดแน่นอนค่ะ เพราะมันอร่อยนี่คะ

No comments:

Post a Comment