Friday, February 24, 2006

Hafa Adai ริมหาดไซปันกับเพลงHe Mele No Lilo

Hafa Adai แปลว่า สวัสดี และยินดีต้อนรับสู่ไซปันค่ะ

เมื่อคืนบินมาถึงไซปัน แล้ว ไม่ง่วงอย่างที่เคยเลยไม่ได้นอนอย่างที่ควรจะเป็น ตอนนี้ฉันกำลังนั่งรับลมที่lobby ของโรงแรมริมหาดบนเกาะ Saipan นี่เป็นข้อดีอีกประการหนึ่งของการเป็นแอร์ เราได้มีโอกาสเที่ยวไปในที่แปลกๆ แถมที่พักฟรี อาหารราคาถูกกว่ามาเที่ยวเอง ไซปันก็เป็นอีกที่หนึ่งที่ฉันไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้มาสัมผัส
Image hosting by Photobucket
ห้องนอนที่ไซปันค่ะ

Image hosting by Photobucket Image hosting by Photobucket

มุมมองจากระเบียงห้องค่ะ บรรยากาศชายทะเลมากๆ

พอเช้า หลังจากนั่งเล่นเน็ทจนแบตหมด เลยแต่งตัวออกมาที่ร้าน DFS Galleriaซึ่งเป็นร้านขาย Duty Free เพียงแห่งเดียวในไซปัน เป็นที่รู้กันในหมู่ลูกเรือว่าร้าน Duty Free ที่ไซปัน เต็มไปด้วยสินค้ามากมาย หลายี่ห้อแบรนด์เนม แถมราคาก็ถูกกว่าที่อื่น ลูกเรืออย่างเราได้ลดราคา 10% ถึงจะน้อยกว่าบางที่ แต่ด้วยราคาที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ ทำให้เราสามารถช้อปปิ้งได้อย่าสบายใจ (นิดหน่อย) ภายในร้านมีป้ายต่างๆถึง 3 ภาษาคือภาษา ญี่ปุ่น เกาหลี และภาษาอังกฤษ เข้าใจเอาเองว่านักท่องเที่ยวส่วนมาที่มาเยือนไซปัน คงเป็นชาวญี่ปุ่น และเกาหลี เนื่องจากระยะทางใกล้ ใช้เวลาบินเพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น แถมราคาก็ไม่แพงเมื่อเทียบกับค่าเงินของประเทศเขา เดินไปไหนในเกาะไซปัน เราเลยเจอวัฒนธรรม J-K ตลอด

Image hosting by Photobucket

ร้าน Duty Free มีคนเต็มร้าน ไม่ว่าฉันจะไปเดินเวลาไหน เข้าใจว่าไม่มีคนชาติไหนบ้าของแบรนด์เนม ได้เท่ากับคนญี่ปุ่นและเกาหลีอีกแล้ว เรื่องนี้ฉันเคยคุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่คุ้นเคยกับสังคมญี่ปุ่น เธออธิบายว่า เนื่องจากชาวญี่ปุ่นมีสวัสดิการสังคมที่ดี รัฐบาลเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กยันแก่ รายได้ต่อประชากรค่อนข้างสูง แถมไม่มีภาระใดๆในชีวิต จะซื้อรถ รัฐบาลก็จัดระบบขนส่งมวลชนไว้ดีเลิศ และสะดวกสบาย จะซื้อบ้าน ราคาบ้านและที่ดินก็แพงเกินจะจ่าย (เพื่อนบอกว่าซื้อบ้านกันทีผ่อนไปเลย 3-4ชั่วคน หรือประมาณ 100-200ปี โอ้โห ! ใครจะผ่อนไหวเนี่ย คนญี่ปุ่นจึงนิยมเช่าอพาร์ทเม้นต์ซึ่งตกแต่งอย่างดี ภายในสะดวกสบายทุกอย่าง พอตึกเก่าโทรม ก็ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ตึกเก่าๆก็ปรับปรุงใหม่ซะเลย รอคนมาอยู่ใหม่) มีลูก รัฐก็อำนวยความสะดวกด้านการศึกษา และสวัสดิการอื่นๆ พอแก่ลง รัฐก็เลี้ยงดูเป็นอย่างดีอีกนั่นแหละ เขาเลยใช้เงินส่วนมากไปกับการสร้างความสนุกสบายใจให้กับชีวิต นี่คงเป็นเหตุผลที่เราเห็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นกระเป๋าหนักไปทั่วโลก เที่ยวกันแสนจะหรูหรา แถมซื้อของแบรนด์เนมกันกระจาย พอเอาเรื่องเหล่านี้มาคิดดูแล้ว ก็พบว่าน่าจะคล้ายกับสังคมเกาหลี ที่รัฐเลี้ยงดูเป็นอย่างดี เลยบ้าแบนด์เนมพอๆกัน ต่างกันแค่ตรงที่ค่าเงินเกาหลี ถูกกว่าค่าเงินญี่ปุ่นเท่านั้นเอง

กลับมาที่ร้าน Duty Free กันต่อดีกว่าค่ะ ร้าน DFS ที่Saipanเป็นหนึ่งในร้าน Duty Free ในดวงใจของฉันร้านหนึ่งก็ว่าได้ เนื่องจากร้าน DFS เป็นร้านขายของปลอดภาษีร้านเดียวที่มี Anna Sui วางขายให้เราได้ทดลองสินค้า และเลือกซื้อกันอย่าจุใจ (ที่SYD ก็มีแต่ของน้อยกว่า และต้องแสดงบัตรเครดิตเพื่อขอลดราคา ฉันไม่มีบัตรเครดิตนี่คะ)ที่จริงฉันเองก็ไม่ได้บ้าแบรนด์ Ana Sui ขนาดนั้น เพียงแต่ชอบแพคเกจสินค้ที่สวยงามน่ารัก ออกสไตล์วินเทจนิดๆ ฉันชอบ Anna Sui มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะมีเคาท์เตอร์วางของที่สยามพารากอนอีกนะคะ พอมาเจอของราคาถูกแถมมีลดพิเศษให้ฉันอีก ฉันก็เลยช้อปสนุกสนานไปเลย ไซปันจึงเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองที่ฉันมาทีไร กระเป๋าแห้งกลับไปทุกที ยอมค่ะ มันเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆในชิวิตแอร์ที่เหงา และไกลบ้านอย่างฉัน
Image hosting by Photobucket
วันนี้ฉันแพ้ใจ จ่ายค่า Anna Suiไปไม่น้อยเหมือนกัน เนื่องจากไม่ได้มาบินไซปันซะนาน เลยมีรายการสินค้าน่าซื้ออยู่หลายอย่าง แรกสุดเลยคือรองพื้นเบอร์ 03 ที่ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือสุดสัปดาห์ว่าเนื้อบางเบา และเมหาะกับคนผิวคล้ำอย่างฉัน พอมาลองดูก็ปรากฏว่าสวยและเนียนสมกับที่อยากได้ แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆแบบของ Anna Suiด้วย เลยต้องควักกระเป๋าไป 23$ กระจกรูปผีเสื้อที่ฉันชั่งใจมากว่า 2 ปีก็ราคาสมกับที่อยากได้ คือ 16$ ใครจะว่ามันเป็นแค่กระจกก็ช่าง มันเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของเรา ท้ายสุด ฉันควักกระเป๋าซื้อRouge Jar Setไปในราคา 35$ มีสามสี สวยๆทั้งนั้นเลย ตั้งใจว่าจะเก็บไว้เป็นของขวัญวันเกิดเพื่อน ที่จะมาถึงเดือนหน้านี้

Image hosting by Photobucket
ร้านABC หรือร้านสะดวกซื้อในไซปัน มีของจากทั้งอเมริกา และญี่ปุ่น
วันนี้ฉันกิน Room Service อย่างสบายใจ เพราะที่ไซปัน ลูกเรืออย่างฉันได้ลดราคาค่า Room Service ตั้ง 50 % กินกันจนพุงกาง ตั้งแต่เช้ายันดึก จ่ายไปประมาณ 13 $ เองค่ะ
Image hosting by Photobucket Image hosting by Photobucket

Image hosting by Photobucket Image hosting by Photobucket

Room Service ที่ไซปันค่ะ สามมื้อ ได้แก่แซลมอนรมควันกับแสครมเบิลเอ็กส์ มื้อเช้า สลัดสำหรับมื้อกลางวัน
และนักเก็ตสำหรับมื้อเย็น มีซูชิไส้สแปม กินแกล้มด้วย

ไฟลท์ขากลับง่วงมากๆ เพราะไม่ได้นอนก่อนจะถึงเวลา Show up ตื่นมาตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม Show up ตั้งตีหนึ่งกว่า แถมมีเสิร์ฟ Breakfast ด้วย มันเป็นความรู้สึกส่วนตัวของฉัน ที่ไม่ค่อยชอบเสิร์ฟ Breakfast เท่าไหร่ เพราะไม่ชอบการเสิร์ฟ ชา กาแฟไปพร้อมๆกับเสิร์ฟอาหาร side oder ก็ค่อนข้างมาก เพราะคนเกาหลีชอบทานน้ำอัดลมกันตั้งแต่เช้า (ไม่รู้ว่าเขาชอบดื่มกันจริงๆ หรือจะดื่มเอาคุ้ม) เครื่องลงช้ากว่าปรกตินิดหน่อยคือประมาณ 6.30 เล่นเอาแอร์แต่ละคนสะบักสะบอมไปตามๆกัน

Image hosting by Photobucket
บนเครื่องรุ่น B777-200 ที่ใช้บินไปไซปันค่ะ ชอบเครื่องรุ่นนี้ที่สุดเลย

มาไซปันแบบนี้ บรรยากาศพาให้ฉันนึกเพลงการ์ตูนของDisney ที่ฉันชอบมากเพลงหนึ่ง
คือเพลง He Mele No Lilo อันเพลงเพลงชาติของเกาะ Hawaii ก่อนที่อเมริกาจะเขามาปกครอง
เพลงที่ว่าเป็นเพลงอวยพรพระราชา Kalakaua ของชาวฮาวาย
ลองฟังดูนะคะ

Image hosting by Photobucket

เนื้อเพลง Hame No Lilo พร้อมคำแปลค่ะ

Vocal 1 (Overlapping):
Mahalo nui ia ke ali`i wahine
`O Lili`ulani `o ka wo hi ku
Ka pipio mai o ke anuenue na waiho'o
lu'u a halikeole'e
E nana na maka i ke ao malama mai
Hawai`i akea i Kaua`i

Vocal 2 (Overlapping):
Ke Kuini o Hawai`i
Ku i ka moku i ke Kalaunu
Na hana a ke aloha Ma`alo
Ana i ka ua lana malie
I ka lani malama ho`ike
Mai ana la i ka nani

`O Kalakaua he inoa
`O ka pua mae`ole i ka la
Ka pua maila i ka mauna
I ke kuahiwi o Mauna Kea

Ke 'amaila i Kilauea
Malamalama i wahine kapu
A ka luna o Uweka huna
I ka pali kapu o Ka`auea

Ea mai ke ali`i kia manu
Ua wehi ka hulu o kamamo
Ka pua nani a`o Hawai`i
`O Kalakaua he inoa

`O Kalakaua he inoa
`O ka pua mae`ole i ka la
Ka pua maila i ka mauna
I ke kuahiwi o Mauna Kea

Ke`a mai la i Kilauea
Malamalama i Wahinekapu
A ka luna o Uwekahuna
I ka pali kapu o Ka`auea

Vocal 1 (Overlapping):
Mahalo nui ia Ke Ali`i wahine
`O Lili`ulani wo ka `o hi ku

Vocal 2 (Overlapping):
Ke Kuini o Hawai`i
Ku i ka moku i ke Kalaunu

Ea mai ke ali`i kia manu
Ua wehi i ka hulu o ka mamo
Ka pua nani a`o Hawai`i
`O Kalakaua he inoa

He Inoa No Kalani Kalakaua — kulele!


Image hosting by Photobucket
พระราชาคาลาคาอัว เจ้าชีวิตองค์สุดท้ายของชาวฮาวายค่ะ
พระพักตร์ทรงคล้ายกับชาวเอเชีย

นี่คือคำแปลโดยผู้ศึกษาภาษาถิ่นชาวฮาวายค่ะ
By Ryan Kawailani Ozawa:

Vocal 1 (Overlapping):
Great thanks to the lady chief
Lili`ulani (Lili`uokalani) [`o ka wo hi ku?]
Captured the rainbow watercolors
Dive until [halikeole'e?]
The eyes look to the nurturing dawn
Hawai`i expands to Kaua`i

Vocal 2 (Overlapping):
The queen of Hawaii
Stands at the island at the Crown
The works of the passing love
[Ana i ka?] gently flowing
In the nurturing sky
From the heavens

Kalakaua is his name
The flower that doesn't wither in the sun
The flower blooms on the mountain
on the high hill of Mauna Kea

Glowing white is Kilauea
Radiant sacred woman
Atop Uweka Huna (Crying Priest Crater)
on the sacred cliff of rising rain

The chief comes to catch the bird
To adorn himself in the feathers of the mamo
The beautiful flower of Hawai'i
Kalakaua is his name

Kalakaua is his name
The flower that doesn't wither in the sun
The flower blooms on the mountain
on the high hill of Mauna Kea

Glowing white is Kilauea
Radiant sacred woman
Atop Uweka Huna (Crying Priest Crater)
on the sacred cliff of rising rain

Vocal 1 (Overlapping):
Great thanks to the lady chief
Lili`ulani (Lili`uokalani) [wo ka `o hi ku?]

Vocal 2 (Overlapping):
The queen of Hawaii
Stands at the island at the Crown

The chief comes to catch the bird
To adorn himself in the feathers of the mamo
The beautiful flower of Hawai'i
Kalakaua is his name

In the heavenly name of Kalakaua — cast forth!

Image hosting by Photobucket

* "He Mele No Lilo" is derived in large part from "Mele Inoa no Kalakaua" (Name Song for Kalakaua), a traditional Hawaiian chant. Independent translation provided without approval or authorization by the song's authors, publishers, or other copyright holders. Do not republish or redistribute.









No comments:

Post a Comment