ซัวสะได เสียมเรียบ MAR 12-13,2006
เมื่อวานนี้ฉันเพิ่งกลับมาจากไฟลท์ REP หรือเสียมเรียบค่ะ เพิ่งไปlay-over ครั้งแรก เครื่องที่บินเราใช้เครื่อง A320 ลำใหม่ของบริษัท มีไว้เพื่อบินไฟลท์นี้โดยเฉพาะ ผู้โดยสารที่ขึ้นไฟลท์เขมร ส่วนมากเป็นลุงๆป้าๆชาวเกาหลี มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ ท่าทางก็ไม่บ้านนอกมาก แต่มารยาทการอยู่ร่วมกับผู้โดยสารอื่นก็เหมือนชาวเกาหลีทั่วไปที่ฉันเคยเจอ โดยเฉพาะชาวเกาหลีที่อายุมาก เขาจะมีคาแรคเตอร์แบบที่ไม่เหมือนคนชาติอื่นเลย (ไว้วันหลังฉันจะมาเล่าสู่กันฟังอีกทีนะคะ เรื่องชาวเกาหลี)
หลังจากที่บินจากเกาหลีนานถึง 5ชั่วโมง 40นาที เราก็มาถึงที่หมาย ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ เสียมเรียบ อังกอร์ กราวด์สต๊าฟที่นี่เราใช้บริการของการบินไทยค่ะ หน้าตาเหมือนชาวไทยแถบอีสานบ้านเรา แต่อย่าเผลอพูดภาษาไทยใส่เขาเชียว เพราะเขาฟังเราไม่รุ้เรื่องหรอก สนามบินที่นี่ขนาดเล็กใกล้เคียงกับสนามบินอู่ตะเภา คงไม่ค่อยมีเครื่องมาลงจอด จากเครื่องบิน เราต้องเดินลงบันได แล้วเดินเข้าสู้ตัวอาคารเอง เพราะที่นี่ไม่มีเจ็ทบริจด์ หรืองวงช้างให้เราเดินสู่ตัวอาคารได้เหมือนสนามบินใหญ่ๆ

ห้องพักในโรงแรมค่ะเราพักกันที่โรงแรม Le Meridian Angkor ค่ะ สวยงามหรูหรา ห้าดาวมากๆ เท่าที่ดู คงเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของที่นี่ พนักงานที่นี่หน้าตาดี ท่าทางสุภาพเรียบร้อยสมเป็นโรงแรมห้าดาว สภาพในโรงแรมต่างกับภายนอกมาก เพราะเมืองของเขาดูคล้ายกับต่างจังหวัดบ้านเรา ถนนขรุขระ บางส่วนยังเป็นลูกรังอยู่เลย คิดว่าทางการกัมพูชาน่าจะให้ความสนใจ และพัฒนาบริเวณนี้มากขึ้น เพราะอย่างไรก็ตาม นักท่องเทียวที่เดินทางเข้ากัมพูชา มีเป็นเรือนแสนต่อปีจากทั่วทุกมุมโลก เมืองเสียมเรียบจัดว่าเป็นเมืองหน้าตาของประเทศ เท่าที่ฉันเห็นด้วยตา สภาพส่วนใหญ่ยังสกปรกและรอการพัฒนาอยู่เลย
สระว่ายน้ำของที่โรงแรมค่ะ หรูหรามาก
ที่เขมรก็มีน้องโจออกรายการยูบีซีเหมือนกันที่โรงแรมติดยูบีซี มีช่องภาษาไทยหลายช่อง แถมช่องภาษาอังกฤษอื่นๆเช่น HBO AXN หรือ star movie ฯลฯ มีบรรยายภาษาไทยทั้งหมด ฉันเลยดูทีวีมีความสุขไปเลย กลางคืนฉันหลับไม่ค่อยสนิท ลุกชึ้นมาแต่เช้ามืด ดูหนังจบไปหนึ่งเรื่องก็ลงไปกินบุฟเฟต์อาหารเช้า ราคา 7$ ซึ่งหรูหราอลังการสมราคา กินเสร็จก็กลับมานอนพักนิดหน่อย แล้วค่อยจับรถเข้าไปดูนครวัด
นี่แหละ ตุ๊กตุ๊กที่พาฉันไปเที่ยวนครวัดฉันตกลงใจนั่งรถตุ๊กตุ๊กเข้าไปที่นครวัด ค่าเข้าชม วันละ 20 $ สามารถชมได้ทั่ว (ถ้ามีปัญญาไปได้) เดินทางไม่นานก็เจอนครวัดซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมขอม ฉันขอไม่เล่าเรื่องความอลังการของนครวัด เพราะโพสท์เป็นรูปเลยคงจะบรรยายได้ดีกว่า แต่ความประทับใจที่นครวัดนั้น คงจะได้แก่บรรดาไกด์ผี และเด็กๆที่รุมร้อมนักท่องเที่ยวราวกับขอแจกอะไรสักอย่าง


ทันทีที่ฉันลงเดินเข้าสู่ตัวปราสาทด้วยตัวเอง มีไกด์ผีสองคนเข้ามาประกบฉัน ปากก็คอยพูดชวนคุยต่างๆนานา คุยกับเขาก็เพลินดี ไกด์คนนี้เคยมาอยู่เมืองไทย เขาบอกว่ามาทำงานก่อสร้างที่ อ.พนัสนิคม และพัทยาใต้ ภาษาอังกฤษเขาก็พูดเก่ง จนฉันแอบสงสัยว่า เฮียแกพูดภาษาอังกฤษเก่งขนาดนี้ ไม่น่าไปทำงานก่อสร้างอยู่ น่าจะสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ท่าทางจะรุ่งกว่าทำงานก่อสร้างตั้งเยอะ ฉันคุยกับเขาไม่นาน เขาก็ขอตัวแยกไป เพราะเขาคงเห็นว่าฉันไม่มีทีท่าจะจ้างเขาแน่ๆ เวลาฉันเดินเที่ยวคนเดียวแบบนี้ต้องระวัง เพราะเห็นคนเขมรหลายคนมองกล้องและกระเป๋าสตางค์ของฉันอยู่ อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าเป็นดี ดังนั้นภาพส่วนใหญ่ ฉันจังได้มาด้วยการถ่ายเอง หรือขอให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่ท่าทางไว้ใจได้ถ่ายรูปให้
รูปนี้ขอให้พี่ๆคนไทยช่วยถ่ายให้ค่ะ
วันนี้ฉันเจอคนไทยด้วย เป็นครอบครัวจากทางภาคอีสาน เขาเล่าว่าขับรถมากัน ใช้เวลาแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ฟังแล้วเหลือเชื่อว่า อยู่ติดกับเมืองไทยแค่นี้เอง พอเล่าให้เขาฟังว่าฉันเป็นแอร์ บินมา เขาก็ทำท่าว่า โห.....รวยจัง อันที่จริงฉันก็ไม่ได้มีสตางค์มากขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่โชคดี ได้ทำงานที่ได้มีโอกาสเที่ยวเยอะกว่าใครเขาก็เท่านั้นเอง
สถาปัตยกรรมขอมโบราณ ยิ่งใหญ่สง่างามสมคำร่ำลือภายในนครวัดยิ่งใหญ่อลังการสมคำร่ำลือ ไม่น่าเชื่อว่าคนโบราณจะสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่เพื่อกษัตริย์ และเทพที่เขาบูชาได้ขนาดนี้ และยังเหลือเชื่อยิ่งกว่าที่ปราสาทอันสวยงานแห่งนี้ ได้รักษาตัวเองจนรอดพ้นจากเงื้อมือมนุษย์ จนมาเป็นที่รู้จักกันในสมัยนี้ ฉันแอบเห็นคนมือบอนบางคน กรีดรอยปราสาทหิน แล้วเศร้าใจ เพราะร่อยรอยแบบที่เห็น เป็นร่องรอยสดๆ ไม่นานมานี้ มีทั้งภาษาไทยและภาษาจีน คนชาติอื่น ภาษาอื่นไม่เห็นเขามือบอนกันแบบนี้เลย ทำไมถึงไม่คิดเก็บความสวยงามอลังการแบบนี้ให้คนรุ่นหลังเห็นไปนานๆ ทำไมถึงคิดเอาแค่ความสนุกพอใจของตัวเอง ฉันได้แต่คิด แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
ภาพนางอัปสรหรือที่ชาวเขมรเรียกกันว่าอัปสรา(Apsra) สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในนครวัดฉันใช้เวลาเดินชมนครวัดไม่นาน เพราะเหนื่อย ร้อน และสำนึกว่ายังต้องเตรียมตัวกลับมานอนพักก่อนบินกลับอีก เลยพอใจหยุดอยู่แค่เที่ยวนครวัด ทั้งๆที่ในใจก็เสียดายอยู่เหมือนกัน ก่อนกลับฉันได้ซื้อโปสการ์ดจากเด็กๆที่ขายของอยู่หน้าปราสาท เด็กๆพวกนี้พูดได้หลายภาษาอย่างเหลือเชื่อ ฉันพยายามพูดกับเขาด้วยภาษาที่ฉันพอจะนึกออก เขาโต้ตอบฉันได้หมดเลย โอ้โห !!! เก่งจริงนะตัวแค่เนี้ย


สิ่งหนึ่งที่ฉันติดใจเกี่ยวกับเด็กที่ขายของเหล่านี้ คือ ฉันคิดว่าเด็กๆพวกนี้ไม่มีโอกาส ความจนทำให้เขาต้องออกมาทำงาน หาเงินมาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ยังดีที่พวกเขาเลือกอาชีพขายของให้นักท่องเที่ยว แทนที่จะเป็นขอทานหรือลักขโมย แต่ภาพการรุมขายของให้นักท่องเที่ยว ทุกคนกรูเข้ามาจากทุกสารทิศ และทำท่าน่าสงสารต่างๆนานา จนนักท่องเที่ยวบางคนต้องซื้อเพื่อตัดความรำคาญ นอกจากจะเป็นภาพที่ไม่น่าดู เป็นสิ่งที่รบกวนนักท่องเที่ยวแล้ว มันยังจะกลายเป็นเรื่องราวแบบปากต่อปาก ทำให้คนอื่นๆที่มาเที่ยว เข็ดและกลัวกันไปตามๆกัน ฉันไม่รู้หรอกว่ารัฐบาลกัมพูชาจะสนใจเรื่องตรงนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็ยังอยากให้ทารการ หรือหน่วยงานใดก็ตามที่รับผิดชอบ เข้ามาดูแลตรงนี้สักนิด เพื่อที่ชาวบ้านแถบนั้นจะได้ทำมาหากินแบบยั่งยืนกับสถานที่เที่ยวแบบนี้ไปนานๆ
ภาษาเขมรค่ะ ภาพขวามือเป็นเครื่vง ATM ที่สนามบิน พอจะอ่านออกไหมคะว่าเขาเขียนว่าอะไรขากลับเครื่องใช้เวลาบินสั่นกว่าขามา เพียงแค่ 4ชั่วโมง 40 นาทีเท่านั้น
หลังจากจบไฟลท์ก็โทรมหน้ามันแบบนี้แหละค่ะ ภาพนี้ถ่ายหลังจบไฟลท์REP~ICNฉันออกไปซื้อสตรอเบอร์รี่ฝากหม่าม้าน้องโจและหมาม้าต้นแต่เช้า กลับมาก็โทรเรียกลูกหมีมาคุยกันจนส่งลูกหมีไปบินไฟลท์ฮานอย กว่าจะเข้านอนก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าแล้ว (อยู่ยาวเกิน 24 ชั่วโมงอีกแล้ว) ตื่นมาก็เลยเพิ่งได้เขียนblog อยู่นี่แหละ
วันนี้จะได้บินกลับบ้านแล้วค่ะ ดีใจจังเลย