Wednesday, May 03, 2006
ภูเก็ต
หลังจากที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกับบริษัทนี้มาได้ 3 ปี ในที่สุดฉันก็ได้ไฟลท์ไปภูเก็ตสมใจอยากเสียที
อ๊ะ อ๊ะ ! อย่าเพิ่งคิดว่า แค่ภูเก็ต ไปได้ง่ายๆนะคะ
ที่เอเชียน่านี้ ภูเก็ตเป็นไฟลท์สุดปรารถนาโดยเฉพาะในบรรดาลูกเรือชาวไทย BKK base เราชิบบินไฟลท์ภูเก็ตกันมาก เนื่องจากสามารถพาพ่อแม่พี่น้อง ญาติโยมรวมไปถึงเพื่อน และเพื่อนสนิท มาเที่ยวได้โดยมีที่พักแสนสบายฟรีๆ ไฟลท์ที่ฉันรีเควสท์ไว้ เป็นไฟลท์ที่ได้อยู่ที่ภูเก็ตถึงสามวันเต็มๆตั้งหน้าตั้งตาขอมาตั้งสองปี ปีแรกกว่าจะได้ก็ติดสึนามิ ไฟลท์แคนเซิลไปปีนึงเต็มๆ กลับมาปีนี้ การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ผู้โดยสารก็เริ่มไปเที่ยวกันอีกเหมือนเดิม ฉันเองก็เลยพลอยได้บินสุขกายสบายจิตไปด้วย
ที่พักของเราที่ภูเก็ตคือโรงแรม เมอร์ลินบีช รีสอร์ทค่ะ เอาห้องนอนมาให้ดูกันซะเลย
สระว่ายน้ำที่นี่เป็นสระน้ำเกลือ และมีตั้ง 3 สระแน่ะค่ะ ทั้งสามสระที่ว่าเชื่อต่อกันหมด ดำผุดดำว่ายกันสนุกไปเลย
ไฟลท์นี้ฉันโชคดี ชวนหมาย้วยมาเที่ยวด้วยกัน ต้นนั่งรถทัวร์ตามมาสมทบด้วยกันตอนเช้า กว่าจะบุกมาถึงโรงแรมได้ก็ยากพอดู เนื่องจากโรงแรมตั้งอยู่ที่หาดไตรตรัง (เลยหาดป่าตองเข้ามาอีก) ขับรถวกวนน่าเวียนหัว แต่ในที่สุด ด้วยเจ้ารถแจ๊สกระป๋องคันนี้ ต้นก็ขับวกวนมาถึงโรงแรมจนได้
สถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีสในตัวเมืองภูเก็ตค่ะ สวยงามแปลกตาดีจัง
มื้อแรกที่ภูเก็ต เราได้กินหมี่ผัด เรียกว่าอะไรก็จำไม่ได้ แต่จำได้ว่าอร่อยจังเลย อาหารที่ภูเก็ตเขามีอาหารพื้นเมืองแบบแปลกๆ ไม่คุ้นลิ้นชาวกรุงเทพฯ แต่ก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ
วันแรก หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เราก็ไปไหว้หลวงพ่อแช่ม วัดท่าฉลองค่ะ
เสร็จแล้วก็ไปพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย เพิ่งได้รู้วันนี้เองว่าหมาย้วยกลัวเปลือกหอย (กี้วๆ) ไม่เคยเห็นใครกลัวอะไรแปลกๆแบบนี้เลยค่ะ เวลาต้นกลัวเปลือกหอย เขาจะขนลุกขนพอง ท่าทางไม่ค่อยปลื้ม ต่างกับฉันที่ชื่นชมเปลือกหอยนานาชนิด แหม..คนมัน in love ทะเลนี่นา
วันแรกเที่ยวได้แค่นี้ เราก็หมดแรง กลับไปนอนตากแอร์ที่โรงแรมกันค่ะ ที่ภูเก็ตแดดแรงเหลือเกิน พอแดดร่มลมตก เราก็ออกมาว่ายน้ำที่สระน้ำสุดไฮโซของโรงแรม
วันที่สอง เราเริ่มต้นกันที่ร้านติ่มซำในตัวเมืองภูเก็ตค่ะ
คนที่นี่เขารับประทานติ่มซำและขนมจีนเป็นอาหารเช้า รสชาติจะออกเผ็ดเข้มข้นกว่าขนมจีนที่กรุงเทพฯ ที่ฉันชอบใจคือขนมจีนที่นี่มีผักมาให้เลือกทั้งกระจาด แนมด้วยปลาฉิ้งฉ้างตัวเล็กๆ อร่อยมาก
ที่นี่เขาเสิร์ฟโอวัลตินกันแบบนี้แหละค่ะ คือมาพร้อมกับถ้วยตะไลเล็กๆ เอาไว้ดื่มชาจีนร้อนๆล้างปากอีกที
เสร็จแล้วเราก็ไปนมัสการพระผุดกันค่ะ
หนึ่งใน Unseen Thailand เชียวนะคะ สำหรับพระผุดองค์นี้ ตำนานเขาว่ามีเด็กเลี้ยงวัวเอาวัวไปผูกกับหลักไม้ ตกเย็นทั้งเด็กทั้งวัวตายเรียบ พ่อของเด็กฝันว่าเด็กดันพิเรนทร์เอาวัวไปล่ามไว้กับจุกพระพุทธรูป พอขุดหลักดูก็พบพระพุทธรูปจริงดังฝัน แต่ขุดเท่าไหร่ก็ขุดไม่ได้ทั้งองค์พระ ดังนั้นชาวบ้านจึงสร้างปูนหล่อพระองค์เดิม และเป็นที่สักการะบูชากันจนทุกวันนี้
ขากลับเราแวะช้อปปิ้งของฝากด้วย ได้ซื้อพวกของกินและของที่ระลึกฝากญาติโยมที่กรุงเทพด้วยค่ะ
ตกบ่ายเราไปเที่ยวหาด.....หาดอะไรก็จำชื่อไม่ได้แล้วสิคะ แต่ซื้อมุกเลี้ยงกลับมาฝากหม่าม้าของต้นด้วย
รูปเรือประมงค่ะ
แล้วเราก็ไปแหลมพรหมเทพกันต่อ มีใครบ้างไปแหลมพรหมเทพตอนแดดเปรี้ยงๆ (มีแต่เขาไปดูพระอาทิตย์ตกกัน)
รูปนี้ถ่ายจากบนประภาคารค่ะ
แวะจุดชมวิวหาดในยางก่อนกลับไปพักที่โรงแรม
ตกเย็นเราออกมาดูภูเก็ตแฟนตาซีกันค่ะ คราวนี้ชวนเซลล่า ลูกเรือฟิลิปปินส์ รุ่น 87 ออกมาเที่ยวด้วยกัน สงสารเขาจังค่ะ มาบินคราวนี้โดนทิ้งเหงาคนเดียว ฉันเลยชวนออกมารับประทานบุฟเฟท์และชมการแสดงด้วยกัน
เพิ่งรู้เหมือนกันว่าแสดงบัตรลูกเรือ ได้ลดราคาเหลือ 950 บาท(รมค่าอาหารบุฟเฟท์และดูโชว์เสร็จสรรพ) อาหารที่เขาเสิร์ฟรสชาติพอ"แหลกล่าย" ไม่ได้แย่อะไรมากนัก แต่ก็ไม่ได้อลังการเหมือนโรงแรมชั้นหนึ่ง ถ้าให้เกรดแบบใจดี คงให้ประมาณสามดาวครึ่งค่ะ แต่สถานที่และพนักงานช่วยฉุดให้บรรยากาศดีขึ้นเยอะ
ไปเที่ยวมาก็หลายที่ เพิ่งจะรู้ว่าภูเก็ตแฟนตาซีก็เป็นTheme Park ระดับโลกได้เหมือนกัน พนักงานต้อนรับยิ้มแย้มแจ่มใสดี การแสดงก็ใช้ได้ ถ้าไม่นับว่ามั่วมากไปหน่อย แต่เอาเถิด...ฉันไม่ควรเอามาตรฐานศิลปการละครที่เคยร่ำเรียนมา มาตัดสินการแสดงที่นี่ ยังไงซะเขาก็สามารถอวดฝรั่งมังค่าได้ไม่อายใคร ก็น่าภูมิใจอยู่หรอก
ตอนนั่งดู เจอรุ่นพี่รุ่น 77(คนขวาสุด)และรุ่นน้องรุ่น 86(คนซ้ายสุด)เขามาดูโชว์ด้วยกัน ซื้อทัวร์มาจากโรงแรมตั้งคนละ 1,450 บาทไม่รวมค่าอาหาร ยอมจ่ายได้ไงเนี่ย -_-' แอบดีใจเล็กๆที่เราจ่ายถูกกว่า เนื่องจากสองคนนี้เป็นแอร์เกาหลีที่เราจัดไว้ในสารบบ"คนดีระดับอัพเกรด" เราเลยชวนนั่งรถแจ๊สกระปุกกลับโรงแรมด้วยกัน ขากลับเซลล่าเลยนั่งเงียบ ทั้งๆที่ตอนแรกเขาท่าทางสนุกดี เข้าใจว่าคงไม่ค่อยปลื้มเกาหลีเท่าไหร่ (โถ..น้อง ต่อไปเดี๋ยวก็ชิน )
วันสุดท้าย เราวุ่นๆกันนิดหน่อยเนื่องจากตื่นสาย และต้นหาตั๋วกลับไม่ได้ เครื่องที่มันถูกๆเต็มเรียบ สุดท้ายเลยได้เป็นผู้โดยสารแสตนด์บายเกาะเครื่องโอเรียนท์ไทยกลับกรุงเทพฯ รูปนี้ฉันถ่ายหมาย้วยก่อนจะจับมันส่งขึ้นเครื่องกลับ
ขากลับมาไฟลท์โดยรวมปรกติ ไม่เหนื่อยมาก แต่ก็ไม่ได้หรูเฟ่อะไร คิดว่าตัวเองคงชินกับผู้โดยสารเกาหลี เลยไม่รู้สึกเหนื่อยอะไรมาก เซลล่าประทับใจมากมายเพราะเป็นครั้งแรกที่ไปบินแล้วมีคนชวนออกไปเที่ยว ถึงกับออกปากว่าถ้าเมื่อไหร่เราไปนิวยอร์คหรือซิดนี่ย์ เขาจะให้ญาติโยมเขาทางโน้นมาเทคแคร์เรา
ที่ชวนเขาไปก็เพราะสงสาร ไม่ได้จะแสดงตัวเป็นคนดีอะไรขนาดนั้นสักหน่อย แต่ถ้าเขาประทับใจลูกเรือ BKK crewก็คงเป็นเรื่องที่ดี
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
โหมะ ไปตั้งหลายตังค์แน่ะ
ReplyDeleteคิดถึงขนมจีนกับปลาฉิ้งฉ้างกรอบ T_T
ReplyDeleteอร่อยโหด