เช้าวันรุ่งขึ้นฉันเดินไปกินแพนเค้กอีกแล้วค่ะ คราวนี้สั่ง Strawberry Patch แพนเค้กราดซอสสตรอเบอรรี่ และสตรอเบอรี่สดชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมครีมสดและไอศครีม อร่อยลืมอ้วนไปเลย ก่อนกลับเดินกินลมชมวิวสักเล็กน้อยเป็นการย่อยอาหาร Circular Quay ยามเช้าบรรยากาศดีจริงๆ แสงแดดอ่อนๆกับลมพัดเย็น ทำให้นึกไปว่าอยากมีใครสักคนมาเดินตรงนี้เป็นเพื่อนคงจะดีไม่น้อย ซิดนี่ย์เป็นเมืองที่สวย น่าอยู่แต่ะไม่เหมาะจะมาเที่ยวคนเดียว เพราะโรแมนติกเกินห้ามใจ
บรรยากาศที่ Circular Quay ยามเช้า
พออากาศอุ่นขึ้นเล็กน้อยก็ได้เวลาเดินชมเมือง ไม่ได้มาซิดนี่ย์เสียนาน เดินไปทางไหนก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ คิดถึงที่นี่อยู่ไม่น้อย ตึก QVB (Queen Victoria Building) ก็ยังมีคนเดินกันหนาแน่นเหมือนเดิม แวะไป โรงหนังเสียหน่อยจะได้ขอแฮนด์บิลกลับไปฝากพี่ไก่ ชาวAou Station
ตึก QVB สวยเด่นเป็นสง่าหน้าตึกคือ สมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย
มองขึ้นไปบนยอดตึกแถวเซ็นเตอร์ พ้อยท์ มองเห็นยอดซิดนี่ย์ทาวเวอร์อยู่ลิบๆเลยตัดสินใจ ขึ้นไปเที่ยวสักหน่อยดีกว่า อันที่จริงฉันเคยขึ้นยอดซิดนี่ย์ ทาวเวอร์มาแล้วครั้งหนึ่ง สมัยเริ่มบินใหม่ๆแต่ขึ้นไปตอนค่ำๆ เลยเห็นวิวซิดนี่ย์ตอนกลางคืน คราวนี้กลางวันว่าจะส่องดูวิวให้สมใจ
มองจากด้านล่างขึ้นไปค่ะ จะเห็นยอดหอคอยอยู่ลิบๆ
Display ที่จัดอยู่ด้านหน้าบูทขายตั๋ว
ทัวร์เดินตามขอบหอคอยค่ะ เอาไว้สำหรับนักท่องเที่ยวชอบผจญภัย น่าหวาดเสียวแทน
รูปด้านล่างเป็นทางขึ้นลิฟท์ไปสู่ยอดหอคอยค่ะ มีคนรอคิวอยู่ประปราย
เกร็ดความรู้เล็กๆเกี่ยวกับซิดนี่ย์ ทาวเวอร์ (ได้มาจากแผ่นพับที่เขาแจก)
- เซ็นเตอร์ พ้อยท์ หรือ Center Point ประมาณช่วงปลายทศวรรษที่ 70’s ร้านค้ารุ่นแรกจำนวน 52 ร้าน เปิดจำหน่ายสินค้าประมาณปี 1972 และส่วนของสำนักงานทั้งหมดสร้างเสร็จสิ้นในปี 1974 ส่วนของหอคอยเมืองซิดนี่ย์หรือ Sydney Tower สร้างเสร็จในเดือน สิงหาคมปี 1981 ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในบรรดาตึกที่สูงที่สุดในโลก ตัวอาคารได้รับการออกเป็นให้ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศตลอดจนสภาวะแผ่นดินไหวได้เป็นอย่างดี
- สายเคเบิลที่ขึงรอบตัวอาคารมีจำนวนทั้งสิ้น 56 เส้น หากวางต่อกันเป็นเส้นตรงจะมีระยะทางเทียบเท่ากับเส้นทางจากเมืองSydney ไปถึงเมือง Alice Spring หรือจากประเทศออสเตรเลียไปจนถึงประเทศนิวซีแลนด์
- ส่วนของหอคอยได้รับการออกแบบให้รับน้ำหนักคนได้ถึง 960 คนประกอบด้วยภัตตาคาร 2 ชั้น ร้านกาแฟ และบริเวณสังเกตการณ์ รวมไปถึงเสาส่งสัญญาณต่างๆอีกด้วย
- มีลิฟท์ความเร็วสูงไว้คอบอำนวยความสะดวกแก่ผู้เยี่ยมชมจำนวนถึง 3 ตัว ใช้เวลาให้การขึ้นสู่ยอดหอคอยเป็นเวลาประมาณ 40 วินาทีเท่านั้น
- รอบหอคอยมีหน้าต่างทั้งสิน 420 บาน มีระบบทำความสะอาดอัตโนมัติโดยใช้การหมุนเวียนโดยรอบ ใช้น้ำประมาณ 50 ลิตรในการหมุนเวียนทำความสะอาดต่อหนึ่งครั้งและใช้เวลาถึง 2 วันในการหมุนเวียนทำความสะอาดหน้าต่างดังกล่าว
จากรูปหอคอย
1.ส่วนยอดแหลมของตึก สูงประมาณ 305 เมตรจากระดับถนน เป็นเครื่องส่งสัญญาณขนาดใหญ่
2.Plant room มีระบบทำความสะอาดกระจกอัตโนมัติ
3.หอสังเกตการณ์ที่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าชมโดยเสียค่าเข้าชมครั้งละประมาณ 25 $
4.Coffee Lounge
5.ภัตตาคารบุฟเฟต์
6.ภัตตาคารขายอาหารจานเดียว
7.ลิฟท์ 3 ตัวที่ใช้ขึ้นสู่ยอดหอคอย รวมทั้งบันไดหนีไฟติดตั้งระบบปรับความกดอากาศ มีสายเคเบิลจำนวน 56 เส้นช่วยพยุงน้ำหนัก
8.ศูนย์การค้า
น้ำหนักของหอคอยทั้งสิ้นประมาณ 5,683 ตัน !!!
อ้อ ! ลืมบอกไปว่า เป็นลูกเรือของสายการบินใดก็ตาม หากแสดง Crew ID จะสามารถขึ้นชม Sydney Tower ได้ฟรี ประหยัดเงินไปได้ตั้ง 24 AUD $ แน่ะ
ขึ้นมาสูงขนาดนี้เลย
Harbour Bridge จากมุมด้านบน
ท่าเรือสุดที่รัก (Darling Harbour)
ลงมาจากSydney Tower แวะซื้อของนิดหน่อยแล้วจึงเดินเรื่อยเปื่อยไปจนถึง Circular Quay อากาศตอนบ่ายกำลังอุ่นสบาย ริมข้างทางมีนักดนตรีและนักแสดงศิลปะอยู่ประปราย บ้างก็เปิดหมวกให้คนโยนสตางค์เป็นค่าตอบแทน เดินไปจนถึง Opera Housr เลยได้เก็บรูปมาฝากกัน
เครื่องเป่าที่ชาวอบอริจิ้นเป่าอยู่นี้เรียกว่าอะไรก็ไม่ทราบค่ะ แต่เสียงมันอู่อี่เหลือทน เคยเห็นเครื่องที่ว่าวางขายตามร้านของที่ระลึก แต่ก็ไม่เคยนึกพิเรนทร์จะหอบกลับมาบ้านสักที
มาเยือนกี่ครั้ง ไม่เคยมีครั้งใดที่บ้านละครร้องหลังนี้ว่างเว้นไปจากการเยี่ยมเยือนของนักท่องเที่ยวต่างถิ่น ส่วนมากก็เป็นชาวเอเชียอย่างเราๆท่านๆนี่แหละ บรรยากาศเมืองซิดนี่ย์สวยสดใสเกินกว่าจะมาเดินเที่ยวตามลำพังคนเดียว
คิดถึงทุกๆคนที่เมืองไทยจัง
ขากลับไฟลท์ไม่เต็มเหมือนขามา ผู้โดยสารแค่ 144 คนเท่านั้นเอง แอร์เลยทำงานกันสบาย สนุกด้วยเพราะคุยถูกคอกับรุ่นพี่บล 1 จำรูปข้างบนได้ไหมคะ รุ่นพี่คนสวยคนนั้นแหละเล่าให้ฟังว่า พอไปถึงซิดนี่ย์ เธอบินไปเจอเพื่อนอีก 2 คน ทั้ง 2 คนเคยบินกับฉันแล้ว ชมเปาะทุกคนว่าฉันเป็นลูกเรือที่แสนจะใจดี โดยเฉพาะกับรุ่นน้อง(ไม่เคยคิดเลยว่ารุ่นพี่ๆพวกนี้เขาจะซาบซึ้งกับความใจดีที่เราช่วยรุ่นน้องทำงาน) ชมกันมาๆแทบลอย เลยยิ่งตั้งใจทำงาน ไม่อยากให้เสียชื่อค่ะ
วันนี้เจอผู้โดยสารคนนึงบนไฟลท์ เป็นน้องเด็กหน้าตาหมดจด อายุประมาณ 10 ขวบเห็นจะได้ เธอมีอาการเมาเครื่องบินอย่างรุนแรง อาเจียนตั้งแต่เครื่องขึ้นยันเครื่องลง รับประทานอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด น่าสงสารค่ะ เดินผ่านไปทีไรก็สบตาละห้อยร้องว่า พี่จ๋าหนูหิว แต่พอเอาอะไรให้กิน เธอก็ปล่อยออกมาหมด คิดดูสิคะว่าFLT time ตั้ง 10ชั่วโมง น้องเด็กจะทรมานขนาดไหน ขนาดเครื่องจอด ผู้โดยสารคนอื่นลงไปหมดน้องเด็กก็ยังอาเจียนหน้าเซียวอยู่ตรงนั้นเอง ได้แต่ภาวนาให้เธอรีบไปหาหมอเร็วๆ เผื่อเป็นอะไรขึ้นมาจะได้รักษากันทัน
ช่วงพักฉันนอนหลับเป็นตาย ขนาดมีเสียงโทรมาปลุกยังไม่ได้ยินเลย เป็นครั้งแรกที่นอนพักบนไฟลท์แล้วต้องมีรุ่นพี่ปลุกให้ตื่น ปรกติตื่นก่อนชาวบ้านเขาตลอด
จบไฟลท์ซิดนี่ย์แต่เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านแล้ว ดีใจจัง
No comments:
Post a Comment